พล.ต.ต.ทัศน์ภูมิ จารุปรัชญ์ ผู้บังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ หรือ ปอศ. ให้สัมภาษณ์ภายหลังการจับกุมตัว นานา ไรบีนา โดยระบุว่าพนักงานสอบสวนได้ตั้งข้อกล่าวหาจากพฤติการณ์การชักชวนผู้เสียหายมาร่วมลงทุนใน 4 กิจกรรมหลัก ได้แก่
1.การอ้างกิจกรรมปล่อยเงินกู้โดยให้ผลตอบแทนร้อยละ 4-7
2.การอ้างกิจกรรมเทรดหุ้นโดยมีการอุปโลกน์บุคคลขึ้นมา
3.การอ้างการลงทุนทำสนามบาสเกตบอล และ
4.การอ้างการลงทุนเปิดร้านอาหารในต่างประเทศ
ส่วนของ เจนี่ หนึ่งในผู้เสียหายที่เข้าแจ้งความดำเนินคดี เปิดเผยว่าถูกชักชวนให้ร่วมลงทุนทำร้านอาหารที่สหรัฐอเมริกา แต่เมื่อผู้เสียหายทำการตรวจสอบข้อเท็จจริงกลับพบว่า ไม่มีการลงทุนจริงตามที่กล่าวอ้าง ทำให้สูญเงินไปประมาณ 3 ล้านบาท
กรณีที่ทนายสายหยุดระบุว่า ได้พาผู้ต้องหามามอบตัวก่อนหน้านี้ ผบก.ปอศ. ชี้แจงว่า ทนายความเดินทางมาพบเจ้าหน้าที่เมื่อเวลาประมาณ 17.00 น. ของวันที่ 1 ธันวาคม ขณะนั้นพนักงานสอบสวนยังไม่ได้ดำเนินการขออนุมัติหมายจับ โดยหมายจับเพิ่งได้รับการอนุมัติในช่วงบ่ายของวันที่ 2 ธันวาคม การปฏิบัติงานจึงต้องเป็นไปตามขั้นตอนที่ถูกต้อง
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ได้ทำการยึดทรัพย์สินของนานามาตรวจสอบแล้วมูลค่าประมาณ 10 ล้านบาท และกำลังอยู่ระหว่างรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อตรวจสอบว่า เวย์ สามีของนานา มีส่วนเกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดด้วยหรือไม่ โดยชั้นสอบสวน นานา ยังคงให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา
สำหรับพฤติกรรมของผู้ต้องหาได้ชักชวนกลุ่มเพื่อนสนิท, บุคคลใกล้ชิด และกลุ่มผู้ปกครองในโรงเรียนนานาชาติ โดยอาศัยความเชื่อใจและความน่าเชื่อถือของตน ประกอบกับมีการแอบอ้างผู้มีชื่อเสียงในแวดวงธุรกิจ ทำให้กลุ่มผู้เสียหายหลงเชื่อ โอนเงินร่วมลงทุนกับผู้ต้องหา ซึ่งในระยะแรกผู้เสียหายบางรายได้รับผลตอบแทนตามที่เสนอจริง ประกอบกับผู้ต้องหาได้นำหลักฐานการโอนเงินปลอมและเอกสารการโอนหุ้นปลอมมาแสดงต่อผู้เสียหาย ทำให้ผู้เสียหายเกิดความเชื่อมั่นและหลงเชื่อลงทุนกับผู้ต้องหาเรื่อยมา
ต่อมาเมื่อประมาณเดือนกุมภาพันธ์ 2568 ผู้ต้องหาเริ่มไม่จ่ายผลตอบแทนให้กับผู้เสียหาย โดยอ้างว่าบัญชีเงินถูกหน่วยงานของรัฐระงับการทำธุรกรรม จึงไม่สามารถดำเนินการจ่ายคืนเงินลงทุนและปันผลการลงทุนได้ เมื่อถูกทวงถาม ก็ได้ออกเช็คเงินสดเพื่อจะชำระเงินลงทุนและเงินปันผลคืนให้กับผู้เสียหาย โดยเมื่อนำเช็คเงินสดไปเรียกเก็บกับธนาคาร กลับถูกธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินตามเช็คเนื่องจากไม่มีเงินในบัญชี
และภายหลังได้ทราบว่าบุคคลมีชื่อเสียงที่ถูกผู้ต้องหากล่าวอ้างนั้น ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการลงทุนที่ผู้ต้องหาชักชวนแต่อย่างใด ผู้เสียหายเชื่อว่าถูกหลอกลวง จึงเข้ามาแจ้งความร้องทุกข์กับพนักงานสอบสวน เป็นเหตุให้เกิดความเสียหายรวม 195 ล้านบาท
จากการสืบสวนสอบสวนพบว่า นอกจากพฤติการณ์ในการชักชวนระดมทุนแล้ว ผู้ต้องหายังมีการปลอมหลักฐานสลิปการโอนเงิน ปลอมแปลงเอกสารการโอนหุ้นบริษัทร้านตัดผมชื่อดัง ซึ่งผู้ต้องหาเป็นเจ้าของอยู่ และจากการตรวจสอบเส้นทางการเงิน พบว่าผู้ต้องหาไม่ได้มีการนำเงินไปลงทุนในธุรกิจต่างๆ ตามที่กล่าวอ้าง โดยผู้ต้องหามีการทำธุรกรรมเบิกถอนเงินสดที่ธนาคารเป็นจำนวนมาก
นอกจากนี้ยังมีการนำเงินลงทุนที่ได้รับมาไปหมุนเวียนจ่ายเป็นผลตอบแทนให้กับผู้ลงทุนรายอื่น ซึ่งลักษณะดังกล่าวเข้าข่ายเป็นความผิดการกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน พนักงานสอบสวนจึงรวบรวมพยานหลักฐานและยื่นคำร้องต่อศาลขออนุมัติออกหมายจับผู้ต้องหาไว้
ต่อมาเมื่อวันที่ 3 ธันวาคม 2568 เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.4 บก.ปอศ. ได้นำหมายค้นของศาลอาญากรุงเทพใต้ เข้าตรวจค้นบ้านพักผู้ต้องหาในหมู่บ้านหรู ซอยเอกมัย เขตวัฒนา กรุงเทพมหานคร และสามารถจับกุม นางไรบีนา บุคคลตามหมายจับได้ พร้อมทั้งได้ตรวจยึดพยานเอกสารและพยานวัตถุ ที่น่าสนใจดังนี้
รายการตรวจยึดที่น่าสนใจ
1.โทรศัพท์ iphone 7 เครื่อง
2.art toy bearbrick และอื่นๆ 11 กล่อง
3.ledger-nano-x (hardware wallet) 1 ชิ้น
4.กระเป๋า hermes berkin 1 ใบ
5.กระเป๋า หิ้ว louis vuitton 1 ใบ
6.จิวเวอรี่ แบรนด์ต่างๆ ประมาณ 50 ชิ้น
7.รถยนต์ mini coper รุ่น aceman สีขาว 1 คัน
โดยทรัพย์สินที่ตำรวจยึดจากดาราสาวมีมูลค่ารวม 10 ล้านบาท
นอกจากนี้ยังตรวจสอบพบการถือครองอสังหาริมทรัพย์ โฉนดที่ดิน จ.อ่างทอง จำนวน 1 แปลง พื้นที่ 64 ตร.วา จ.อ่างทอง และโฉนดที่ดิน กรุงเทพมหานคร จำนวน 1 แปลง พื้นที่ 87.9 ตร.วา ซึ่งจะได้ดำเนินการตรวจสอบการได้มา และได้นำตัวผู้ต้องหา พร้อมสิ่งของตรวจยึด นำส่งพนักงานสอบสวน กก.4 บก.ปอศ. ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
ตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) ขอเตือนภัยถึงพี่น้องประชาชน โปรดใช้ความระมัดระวังในการร่วมลงทุนหรือปล่อยสินเชื่อกับบุคคลใดๆ ที่อ้างผลตอบแทนสูงเกินจริง และใช้ความน่าเชื่อถือเป็นเครื่องมือชักชวน โดยอาจมีการแอบอ้างธุรกิจ การลงทุน หรือบุคคลมีชื่อเสียงสร้างความน่าเชื่อถือ หากพบการเชิญชวนในลักษณะดังกล่าว ควรตรวจสอบข้อมูลให้รอบด้าน และระมัดระวังมิจฉาชีพที่อ้างลงทุนในธุรกิจต่างๆ พร้อมเสนอผลตอบแทนสูงรายเดือน หรืออ้างการลงทุนร่วมกับผู้ประกอบการและบุคคลที่มีชื่อเสียง เพื่อหลอกลวงให้โอนเงินร่วมลงทุน ซึ่งอาจเข้าข่ายความผิดฐานฉ้อโกงประชาชนและกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน
#หลอกลงทุน
#นานา
#ปศอ
ข่าวทั้งหมด