จากเหตุพายุไซโคลน เซนยาร์(Senyar)ที่ก่อตัวขึ้นในช่องแคบมะละกา เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ทำให้เกิดฝนตกหนัก น้ำท่วมเป็นบริเวณกว้างในอินโดนีเซีย ไทยและมาเลเซียในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และพายุไซโคลน ดิตวาห์ (Ditwah)ที่พัดถล่มศรีลังกา ในเอเชียใต้ ซึ่งผู้เชี่ยวชาญ ระบุว่า หนึ่งในตัวแปรร่วม คือ ลมมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือ มีผลต่ออากาศในเอเชียตะวันออก และเอเชียใต้ตั้งแต่เดือนพ.ย.ถึงเดือนมี.ค.โดยเฉพาะลมมรสุมที่พัดมาจากทะเลเข้าสู่ชายฝั่งจะมาพร้อมความชื้นสูงกว่าปกติ ทำให้มีฝนตกหนักกว่าปกติในแถบชายฝั่ง
เหตุน้ำท่วมในหลายท้องที่บนเกาะสุมาตรา อินโดนีเซีย เจ้าหน้าที่ป้องกันภัยพิบัติแห่งชาติ(BNPB) กล่าวว่า เหตุน้ำท่วมในครั้งนี้ กระทบประชาชน 1.5 ล้านคนใน 3 จังหวัดได้แก่ จังหวัดสุมาตราเหนือ,สุมาตราตะวันตก และจังหวัดอาเจะห์ มีผู้เสียชีวิต 659 ราย มีผู้บาดเจ็บ 2,600 คน และมีผู้สูญหาย 475 คน ขณะที่ทีมกู้ภัยยังคงเร่งให้การช่วยเหลือประชาชนหลายพันคนที่ติดค้างอยู่ในบ้านเรือนที่ถูกน้ำท่วมและนำสิ่งของบรรเทาทุกข์ เช่น อาหารและน้ำดื่มไปแจกจ่ายแก่ชาวบ้าน
ด้านกลุ่มจิตอาสาบางคนใช้การเดินเท้า และขี่รถจักรยานยนต์ขนสิ่งของบรรเทาทุกข์ไปแจกจ่ายแก่ชาวบ้านในพื้นที่ห่างาไกล เนื่องจากถนนในหลายพื้นที่ถูกน้ำท่วม, เสียหายจากเหตุดินถล่มหรือน้ำป่าซัดซุงลงมาอยู่กลางถนน ทำให้ชาวบ้านและทีมกู้ภัยไม่สามารถใช้ถนนเพื่อสัญจรได้ตามปกติ
ส่วนประเทศอื่นๆเช่น ศรีลังกา มีผู้เสียชีวิต 410 ราย มีผู้สูญหาย 336 คน ขณะที่ประเทศไทยมีผู้เสียชีวิต 176 ราย และที่มาเลเซีย มีผู้เสียชีวิต 3 ราย โดยนักวิเคราะห์ ระบุว่า ภาวะโลกร้อนทั่วโลก ไม่เพียงแต่ทำให้เกิดพายุโซนร้อนและพายุไซโคลนบ่อยและรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ แต่จะทำให้มีปริมาณฝนมากกว่าปกติ เกิดน้ำท่วมเป็นบริเวณกว้าง สร้างความเสียหายต่อชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนมากขึ้น
#อินโดนีเซีย
#น้ำท่วม
ที่มา: bbc, afp, antara news
ข่าวทั้งหมด