ครม.เศรษฐกิจเคาะ 4 มาตรการฟื้นฟู-เยียวยาน้ำท่วมใต้ หลังกระทบกว่า 5 แสนล้าน

วันนี้, 18:19น.


          นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยหลังการประชุมคณะกรรมการนโยบายเศรษฐกิจ ครั้งที่ 6/2568 (ครม.เศรษฐกิจ) ซึ่งมีนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี เป็นประธานว่า ที่ประชุมมีมติเห็นชอบมาตรการฟื้นฟูและเยียวยาผลกระทบน้ำท่วมภาคใต้ รวม 4 มาตรการใหญ่ หลังเหตุอุทกภัยภาคใต้ที่ผ่านมาได้สร้างความเสียหายต่อเศรษฐกิจและทรัพย์สิน คิดเป็นมูลค่ากว่า 5 แสนล้านบาท และกระทบประชาชนมากกว่า 2.9 ล้านคน



          สำหรับมาตรการฟื้นฟูเยียวยาหลัก 4 ด้านจะแยกออกเป็นกลุ่มหลัก 2 กลุ่ม นั่นคือ มาตรการเยียวยาประชาชนที่ได้รับผลกระทบ และมาตรการช่วยเหลือกลุ่มผู้ประกอบการ โดยเฉพาะกลุ่มเอสเอ็มอี สรุปได้ดังนี้



          1.มาตรการลดภาะระหนี้ และปล่อยสินเชื่อ โดยจะพักเงินต้นและดอกเบี้ย 0% นาน 12 เดือน วงเงินไม่เกิน 1 ล้านบาทต่อราย ซึ่งธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) จะผ่อนเกณฑ์ไม่ให้เป็นหนี้เสีย หรือ NPL



          สำหรับสินเชื่อเยียวยา ให้ผู้ประสบภัยกู้เพิ่มรายละไม่เกิน 1 แสนบาท ดอกเบี้ย 0% นาน 12 เดือน อนุมัตวงเงินโดยเร็ว และสินเชื่อฟื้นฟู ดอกเบี้ยต่ำ 0% นาน 12 เดือน ไม่เกิน 1 ล้านบาท โดย ธปท. และสมาคมธนาคารไทย จะไปออกแบบมาตรการต่างๆ



          ขณะที่มาตรการช่วยเหลือ SME จะมีสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ หรือ ซอฟต์โลน โดยมีบรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม หรือ บสย. มาค้ำประกันให้ โดยนำต้นแบบสินเชื่อจาก 3 จังหวัดชายแดนใต้มาปรับใช้



           ส่วนมาตรการช่วยเหลือเร่งด่วน จากเหตุการณ์น้ำท่วม จะดำเนินการโดยใช้เงินเงินทุนของสถาบันการเงินเฉพาะกิจ หรือ SFIs ทั้งหมด ยืนยันว่า ไม่กระทบต่องบประมาณของภาครัฐ เนื่องจากไม่ได้ใช้เงินของรัฐ แต่เป็นความร่วมมือของสถาบันการเงิน ที่ต้องการช่วยเหลือประชาชน



           ด้านสถาบันการเงินของเอกชน หากมีความเสียหายเกิดขึ้น ทางภาครัฐจะช่วยดูแลโดยกำหนดให้ตั้งเป็นโครงการสินเชื่อตามนโยบายรัฐ (Public Service Account: PSA) ของสถาบันการเงินเฉพาะกิจ เพื่อดูแลความเสี่ยงสถาบันการเงินของเอกชน



          “โดยธนาคารพาณิชย์แต่ละแห่งมีมาตรการช่วยเหลือลูกหนี้ของตนเองอยู่แล้ว ซึ่งธนาคารแห่งประเทศไทยและสมาคมธนาคารไทย จะร่วมบูรณาการให้เกิดมาตรฐานเดียวกันทั้งระบบ พร้อมพิจารณาผ่อนคลายกฎเกณฑ์ให้ธนาคารเอกชนสามารถเข้าร่วมมาตรการได้อย่างมีประสิทธิภาพ และจะมีการหารือกับกระทรวงการคลัง ในเรื่องของเงินชดเชยเป็นลำดับต่อไป” นายเอกนิติ กล่าว



          2.มาตรการเพิ่มเงินในกระเป๋า ส่วนหนึ่งเป็นเงินเยียวยา 9,000 บาท โดยวันพรุ่งนี้ (2 ธ.ค.68) ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี ครม. จะมีการอนุมัติงบกลางที่จะเบิกให้กับประชาชนครัวเรือนละ 9,000 บาท ซึ่งทางกระทรวงมหาดไทยได้เตรียมระบบไว้เรียบร้อยแล้ว



          ขณะที่กระทรวงการคลังได้ขยายเงินทดลองเพื่อให้เอามาใช้จ่ายจังหวัดละ 100 ล้านบาท และจะมีการผ่อนเกณฑ์ในการเบิกจ่ายในระเบียบต่างๆให้สามารถใช้ในกรณีฉุกเฉินเพื่อมาช่วยประชาชนที่ต้องการความช่วยเหลือ



          ด้านประชาชนที่ทรัพย์สินเสียหาย ทางคณะกรรมการกำกับส่งเสริมธุรกิจประกันภัย หรือ คปภ. จะจ่ายให้ไม่เกิน 20,000 บาท สำหรับที่อยู่อาศัย / ร้านค้า 30,000 บาท (มีประกัน) / รถยนต์ ถ่ายรูปมาเคลมได้เร็วขึ้น จากการถ่ายรูปรถคู่กับทะเบียนและระดับน้ำที่ท่วม



          สำหรับแรงงาน กรณีเงินนำส่งประกันสังคม จะขยายให้ทั้งหมด ส่วนลูกจ้าง จะมีการจ่ายเงินทดแทนกรณีว่างงาน ร้อยละ 50% ของค่าจ้าง สูงสุดไม่เกิน 180 วัน ทั้งนี้ กระทรวงแรงงานจะมีสินเชื่อให้ผู้ประกอบการ เพื่อส่งเสริมการจ้างงาน โดยมีลูกจ้างไม่เกิน 200 คน กู้ได้ไม่เกิน 15 ล้านบาท



          3.มาตรการลดภาระค่าใช้จ่าย จะมีการขยายการจ่ายค่าภาษีและค่าทำเนียมทั้งหมด พร้อมลดภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างในพื้นที่ประสบภัยตามความต้องการของผู้ประกอบการ



          ขณะที่ลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาสำหรับการซ่อมแซมสินทรัพย์ตามที่จ่ายจริงแต่ไม่เกิน 100,000 บาท และ ลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดากรณีซ่อมแซมรถยนต์ตามที่จ่ายจริงแต่ไม่เกิน 30,000 บาท



          สำหรับผู้ประกอบการที่มีค่าใช้จ่ายซ่อมแซมทรัพย์สิน สามารถหักลดหย่อนภาษีได้ 2 เท่า นอกจากนี้ สำหรับผู้ที่บริจาคช่วยผู้ประสบภัย องค์กรสาธารณกุศลต่างๆ ก็สามารถนำไปลดหย่อนภาษีได้



          4.มาตรการอื่นๆด้านอื่น ๆ ได้แก่ การตรวจสอบความปลอดภัยบ้านเรือน สิ่งปลูกสร้าง ระบบน้ำ ไฟฟ้า และรางรถไฟของรัฐวิสาหกิจ การอำนวยความสะดวกจดทะเบียนห้างหุ้นส่วน-บริษัท การจัดหน่วยบริการเคลื่อนที่ร่วมกับกระทรวงพาณิชย์เพื่อลงพื้นที่ให้คำปรึกษาด้านการค้าระหว่างประเทศ รวมถึงอำนวยความสะดวกการยื่นงบการเงินและบัญชีผู้ถือหุ้น



          พร้อมกันนี้ มอบหมายให้ธนาคารแห่งประเทศไทยพิจารณามาตรการช่วยเหลือลูกหนี้ธนาคารพาณิชย์และผู้ให้บริการทางการเงิน Non-Bank ที่ประสบอุทกภัยให้สอดคล้องกับแนวทางช่วยเหลือของสถาบันการเงินเฉพาะกิจ



           ทั้งนี้จะมีการตั้งคณะทำงานถอดบทเรียนภัยพิบัติ เพื่อวางระบบบริหารจัดการน้ำทั้งระยะสั้นและระยะยาว ขณะที่ กระทรวงการต่างประเทศ จะมีการประสานร่วมมือกับประเทศที่มีประสบการณ์ เช่น ญี่ปุ่น เพื่อพัฒนาระบบป้องกันอุทกภัยของไทย ส่วนกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา จะเตรียมแคมเปญกระตุ้นการท่องเที่ยวและให้หน่วยงานราชการจัดสัมมนาในพื้นที่ เพื่อสร้างรายได้และเม็ด นอกจากนี้ สำหรับมาตรการค่าน้ำค่าไฟฟรีเรื่องนี้กระทรวงมหาดไทยจะรับเรื่องนี้ไปพิจารณา



          ด้านนางศุภจี สุธรรมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า มาตรการลดภาระค่าใช้จ่าย ของกระทรวงพาณิชย์จะช่วยเหลือ เยียวยา ฟื้นฟูผู้ประสบภัยภาคใต้ แบ่งเป็น 3 ระยะ



          ระยะที่ 1 ช่วยเหลือเร่งด่วน ด้วยการส่งสินค้าอุปโภคบริโภคและสิ่งของจำเป็นให้ประชาชน โดยจะร่วมมือกับผู้ผลิตสินค้า ห้างโมเดิร์นเทรด และพันธมิตร ช่วยลดราคาสินค้าจำเป็น โดยเฉพาะอุปกรณ์ทำความสะอาด วัสดุอุปกรณ์ในการซ่อมแซมบ้านและเครื่องใช้ไฟฟ้า โดยจะจัดงานธงฟ้า ลดสูงสุด 80%



         ระยะที่ 2 การเยียวยา ขณะนี้อยู่ระหว่างการดำเนินการเพื่อช่วยเหลือประชาชนให้เข้าถึงอุปกรณ์ซ่อมแซมบ้าน ยานพาหนะ เครื่องใช้ไฟฟ้าที่จำเป็น เพื่อให้ประชาชนสามารถเดินทางและฟื้นฟูที่อยู่อาศัยได้อย่างสะดวก



         ระยะที่ 3 การฟื้นฟู โดยจะจัดมหกรรมธงฟ้า ส่งเสริมอาชีพผ่านแฟรนไชส์ราคาประหยัด เปิดจุดจำหน่ายสินค้า และจัดงานแสดงสินค้า ภาคใต้ พร้อมจัดหน่วยเคลื่อนที่ให้เข้าถึงชุมชนที่เข้าถึงยาก และนำผู้ประกอบการแฟรนไชส์ต่างๆลงพื้นที่เพื่อเปิดโอกาสให้ประชาชนสมัครเพื่อสร้างอาชีพใหม่ โดยกระทรวงพาณิชย์จะประสานกับกระทรวงการคลัง และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อสนับสนุนค่าใช้จ่ายบางส่วนสำหรับผู้ที่ต้องการเริ่มต้นธุรกิจแฟรนไชส์ นอกจากนี้ กรมพัฒนาธุรกิจการค้า ยังได้ร่วมมือกับ SME D Bank เพื่อช่วยผู้ประกอบการรายย่อยให้สามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนได้



 



#ครมเศรษฐกิจ



#มาตรการพื้นฟูน้ำท่วมภาคใต้



 

ข่าวทั้งหมด

X