เงินเฟ้อญี่ปุ่นพุ่งขึ้นในเดือนพ.ย.แตะร้อยละ 2.8-ว่างงานพุ่งขึ้นด้วย

          กระทรวงกิจการภายในและการสื่อสารของญี่ปุ่น เปิดเผยในวันนี้ (28 พ.ย.) ว่า ดัชนีราคาผู้บริโภคพื้นฐาน (Core CPI) ของกรุงโตเกียว พุ่งขึ้น 2.8% ในเดือนพ.ย. เมื่อเทียบรายปี ซึ่งเพิ่มขึ้นในอัตราเดียวกับในเดือนต.ค. และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะเพิ่มขึ้น 2.7% ซึ่งอาจเป็นปัจจัยสนับสนุนให้ธนาคากลางญี่ปุ่น หรือ  (BOJ) ปรับขึ้นดอกเบี้ยในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า  การเพิ่มขึ้นของดัชนี CPI พื้นฐาน ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อที่ไม่นับรวมราคาอาหารสดแต่รวมราคาพลังงาน มีสาเหตุมาจากต้นทุนค่าไฟฟ้าที่ปรับตัวสูงขึ้น ขณะที่ราคาอาหารแปรรูปชะลอตัวลงในเดือนดังกล่าว

          ส่วนดัชนี CPI พื้นฐานที่ไม่นับรวมราคาพลังงาน ปรับตัวขึ้น 2.8% ในเดือนพ.ย. ซึ่งไม่เปลี่ยนแปลงจากเดือนก่อนหน้า

          ขณะที่เงินเฟ้อจากการบริการซึ่งเป็นองค์ประกอบสำคัญในการวัดความยั่งยืนของเงินเฟ้อ ปรับตัวขึ้น 1.5% ส่วนราคาข้าวเพิ่มขึ้น 37.9% โดยยังคงเพิ่มขึ้นในอัตราที่ชะลอลงอย่างต่อเนื่อง หลังจากที่พุ่งขึ้นมากที่สุดเป็นประวัติการณ์ที่ 93.8% ในเดือนเม.ย.

          ดัชนี CPI พื้นฐานของกรุงโตเกียวถือเป็นข้อมูลที่สามารถชี้วัดภาวะเงินเฟ้อทั่วประเทศของญี่ปุ่น โดยข้อมูลที่มีการเปิดเผยล่าสุดนี้อาจทำให้ BOJ มีความเชื่อมั่นว่าสิ่งที่ธนาคารกลางได้ประเมินแนวโน้มเศรษฐกิจไว้ก่อนหน้านี้มีความเป็นไปได้มากขึ้น และอาจทำให้นักลงทุนคาดการณ์ว่า BOJ จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีกในการประชุมเดือนธ.ค.

          ส่วน สถานการณ์แรงงานเดือนต.ค. พบอัตราการว่างงานทรงตัวอยู่ที่ 2.6% ต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 3 แต่ยอดผู้ว่างงานกลับปรับตัวสูงขึ้น สวนทางกับจำนวนแรงงานหญิงที่เข้าสู่ตลาดแรงงานสูงสุดเป็นประวัติการณ์

          สำหรับสาเหตุที่ตัวเลขผู้มีงานทำและผู้ว่างงานขยับขึ้นพร้อมกันนั้น เกิดจากกลุ่มคนที่เคยอยู่นอกระบบแรงงานเริ่มกลับมาหางานทำอย่างจริงจัง ส่งผลให้ยอดผู้มีงานทำขยับขึ้นเล็กน้อย 0.2% เป็น 68.46 ล้านคน ส่วนยอดผู้ว่างงานเพิ่มขึ้น 2.2% อยู่ที่ 1.85 ล้านคน โดยในจำนวนนี้เป็นกลุ่มผู้ถูกเลิกจ้าง 460,000 คน (เพิ่มขึ้น 7.0%) และกลุ่มที่เพิ่งเริ่มหางานใหม่ 500,000 คน (เพิ่มขึ้น 4.2%)

            ปัจจัยหลักที่ทำให้ตำแหน่งงานว่างลดลง มาจากการปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำทั่วประเทศและภาคธุรกิจหันมาใช้ระบบชำระเงินด้วยตนเอง (Self-checkout) มากขึ้น ส่งผลให้การจ้างงานในภาคบริการที่พักและร้านอาหารลดลงถึง 16.1% และภาคค้าส่งค้าปลีกลดลง 12.8% มีเพียงภาคการศึกษาเท่านั้นที่เปิดรับคนเพิ่มขึ้น 10.5% เมื่อเทียบกับปีก่อน