ออกจากราชการไว้ก่อน! 2 ผู้บริหารเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ เอื้อทุนนักโทษจีนเทา

วันนี้, 08:40น.


          พล.ต.ท.รุทธพล เนาวรัตน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เปิดเผยความคืบหน้ากรณีเจ้าหน้าที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร เอื้อผู้ต้องขังชาวจีนว่า ข้อมูลจากคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงถือว่ามีความคืบหน้าและเริ่มมีพยานหลักฐานชัดเจนแล้ว โดยวันนี้ปลัดกระทรวงยุติธรรม และอธิบดีกรมราชทัณฑ์ ได้ลงนามคำสั่งให้ 1.ผู้บัญชาการเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร และ 2.เลขานุการผู้บัญชาการเรือนจำฯ (เจ้าพนักงานราชทัณฑ์ชำนาญงาน) ให้ออกจากราชการไว้ก่อน เป็นที่เรียบร้อยแล้ว



          รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธกรรม ย้ำว่า เรื่องนี้ว่ากันตามพยานหลักฐาน ซึ่งมีผลกระทบต่อภาพลักษณ์องค์กร ไม่ใช่ประเด็นการเมืองภายใน กระทรวงยุติธรรมของเราจึงให้ความสำคัญอย่างมากในการจัดระเบียบและเร่งรัดตรวจสอบอย่างตรงไปตรงมา เชื่อว่าจะมีความชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ ขณะเดียวกันขอให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ผู้ตั้งใจปฏิบัติงานด้วยความซื่อสัตย์สุจริตด้วย



          สำหรับวานนี้ เจ้าหน้าที่คณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง (กรมราชทัณฑ์) เข้าทำการสอบสวนข้อมูลเจ้าหน้าที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ รวมถึงเจ้าหน้าที่ดีเอสไอ  กองคดีความมั่นคง และจะมีการเก็บรวบรวมพยานหลักฐานของเจ้าหน้าที่สถาบันนิติวิทยาศาสตร์



          นายยุทธนา นาคเรืองศรี รองอธิบดีกรมราชทัณฑ์ ในฐานะโฆษกกรมราชทัณฑ์ รักษาราชการแทน ผบ.เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร เปิดเผยว่า ได้ส่งเอกสารประสานไปยังสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ กระทรวงยุติธรรม เพื่อขอรับการสนับสนุนเจ้าหน้าที่นิติวิทย์มาร่วมตรวจเก็บพยานหลักฐาน  พยานวัตถุในห้องเกิดเหตุ (ห้องลับใต้บันได) ซึ่งได้มีการซีลพื้นที่ไว้เรียบร้อยแล้ว สำหรับนำไปตรวจสอบ ก่อนรับผลรายงานและนำเสนอไปยังคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง



          คาดว่าในวันนี้ หรือพรุ่งนี้ จะมี การแถลงความคืบหน้าต่อสื่อมวลชนเกี่ยวกับเจ้าหน้าที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร จำนวน 20 ราย ที่มีความเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ดังกล่าว และถูกคำสั่งย้ายโดยอธิบดีกรมราชทัณฑ์ ซึ่งเบื้องต้นเริ่มมีพยานหลักฐานชัดเจนแล้ว จึงจะต้องมีการเปลี่ยนแปลงคำสั่งเพิ่มเติม อาทิ พักราชการไว้ก่อน หรือให้ออกจากราชการไว้ก่อน



          นอกจากนั้น จะมีการสอบปากคำเจ้าหน้าที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานครทั้ง 20 ราย (ที่ถูกคำสั่งย้าย) ผู้ต้องขังจีนเทา 2 ราย หญิงสาวนางแบบชาวจีน 2 ราย รวมถึงการเก็บรวบรวมพยานหลักฐาน พยานวัตถุ และพยานเอกสารของเจ้าหน้าที่สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ ว่ามีการรวบรวมรายการสิ่งของใดไปบ้าง



          สำหรับเรื่องการครอบครองทรัพย์สินต่างๆ ปกติแล้วเจ้าหน้าที่รัฐจะต้องมีการแสดงบัญชีทรัพย์สินต่อ ป.ป.ช. ทั้ง 20 ราย มีพฤติการณ์กระทำความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 หรือไม่ ซึ่งถ้าหากพบการกระทำความผิดดังกล่าว ดีเอสไอจะต้องสรุปสำนวนส่งให้ ป.ป.ช.ดำเนินการไต่สวนข้อเท็จจริงต่อไปตามขั้นตอน



          ส่วนด้านในเรือนจำมีการกั้นพื้นที่โดยใช้เทปสีเหลือง ไม่ให้บุคคลภายนอกเข้าบริเวณประตูสำนักงานผู้บัญชาการเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร อีกทั้งยังมีการตรวจเก็บรอยนิ้วมือบริเวณประตูและหน้าต่างที่ชั้นหนึ่งและชั้นสองของสำนักงาน โดยมีเจ้าหน้าที่สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ ดีเอสไอ กรมสรรพากร และตำรวจไซเบอร์ร่วมด้วย



 

ข่าวทั้งหมด

X