สหรัฐฯรับไม้ต่อประธาน G20 จับตาการแก้ปัญหาหนี้สาธารณะในแอฟริกาใต้

          การประชุมกลุ่ม G20 ที่นครโยฮันเนสเบิร์ก แอฟริกาใต้ สิ้นสุดเมื่อวานนี้(23 พ.ย.)ซึ่งแอฟริกาใต้ เจ้าภาพได้ส่งไม้ต่อประธานกลุ่ม G20 ให้กับสหรัฐฯ รับหน้าที่ในปีหน้า(2026) นายเทรเวอร์ มานูเอล อดีตรัฐมนตรีคลัง และประธานคณะทำงานจัดประชุมกลุ่ม G20 ของรัฐบาลประธานาธิบดี ไซริล รามาโฟซาของแอฟริกาใต้ เปิดเผยว่า เรื่องวาระการแก้ปัญหาหนี้ของประเทศรายได้ต่ำ ซึ่งประธานกลุ่ม G20 จาก 4 ประเทศเศรษฐกิจรายใหญ่ในกลุ่มโลกใต้(Global South)คือ อินโดนีเซีย อินเดีย บราซิลและแอฟริกาใต้ ร่วมผลักดันมาตั้งแต่หลังการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ในปี 2563 กำลังถูกจับตามองอย่างใกล้ชิดว่า สหรัฐฯจะสานต่อเรื่องนี้หรือไม่

         ที่ผ่านมา หลายฝ่ายแสดงความกังวลว่า ภาระหนี้ที่พุ่งสูง โดยเฉพาะหนี้สาธารณะรวมกว่า 100,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯอาจจะฉุดรั้งการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจของประเทศกำลังพัฒนา ซึ่งจะต้องเผชิญต้นทุนการกู้ยืมที่แพงขึ้นและสภาพคล่องทางการเงินตึงตัวทั่วโลกโดยนักวิเคราะห์ตั้งข้อสังเกตว่า การรับตำแหน่งประธานกลุ่ม G20 ของสหรัฐฯจะเป็นบททดสอบสำคัญว่า การแก้ไขปัญหาหนี้สาธารณะของกลุ่ม G20 จะเดินหน้าได้มากน้อยเพียงใด โดยเฉพาะการประสานความร่วมมือกับเจ้าหนี้รายใหญ่ เช่น จีนและสถาบันการเงินระหว่างประเทศเช่น กองทุนการเงินระหว่างประเทศ(IMF)ในการปรับโครงสร้างหนี้อย่างโปร่งใสและมีประสิทธิภาพ ซึ่งถือเป็นกุญแจสำคัญต่อการสร้างเสถียรภาพการเงินของหลายประเทศที่มีปัญหาเรื่องสภาพคล่องทางการเงินอยู่ในปัจจุบัน

          ก่อนหน้านี้ IMF เตือนว่า 20 ประเทศในทวีฟแอฟริกาเช่น เซเนกัล กาบอง โมซัมบิกและมาลาวี มีหนี้สาธารณะในระดับที่สูงมาก ซึ่งนักวิเคราะห์หลายฝ่ายเห็นตรงกันว่า มีความจำเป็นที่กลุ่ม G20 จะต้องหาทางแก้ไขปัญหานี้อย่างจริงจังและเร่งด่วน พร้อมยกตัวอย่างเช่น เซเนกัล หนึ่งในลูกหนี้ของ IMF กู้ยืมเงินมาจากหลายแห่งนอกจาก IMF แต่ไม่แจ้งข้อมูลการกู้ยืมทั้งหมดต่อ IMF อย่างโปร่งใส ทำให้ IMF สั่งอายัดทรัพย์สินจำนวน 1,800 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ อีกทั้งถูกบริษัทจัดอันดับเครดิตระหว่างประเทศปรับลดเครดิตของเซเนกัล ด้วย นอกจากนั้น หนี้สาธารณะของมาลาวีสูงใกล้แตะร้อยละ 90 ของจีดีพีของประเทศ

#สหรัฐ

#รับตำแหน่งประธานกลุ่มG20

ที่มา: รอยเตอร์