เครื่องบินขับไล่รุ่น F/A-18 และเฮลิคอปเตอร์รุ่น MH-60 ตกกลางทะเลในช่วงห่างกันไม่ถึง 30 นาที หลังทะยานออกจากเรือบรรทุกเครื่องบิน ยูเอสเอส นิมิตซ์ (CVN-68) ของกองทัพเรือสหรัฐฯ ขณะทำการลาดตระเวนอยู่ในทะเลจีนใต้ปลายเดือนต.ค.แต่นักบินของเครื่องบินทั้ง 2 ลำสามารถดีดตัวออกจากเครื่องบินโดยปลอดภัย
พลเรือจัตวาแมทธิว โคเมอร์ โฆษกทัพเรือที่ 7 ของกองทัพเรือสหรัฐฯประจำญี่ปุ่นเปิดเผยว่า เรือยูเอสเอ็นเอส ซัลวอร์( T-ARS 52) เรือเก็บกู้ จากหน่วยบัญชาการขนส่งทางทะเลของกองทัพเรือสหรัฐฯ เริ่มทำการเก็บกู้ซากเครื่องบินทั้ง 2 ลำจากไต้ท้องทะเลในวันนี้ (21 พ.ย.) แต่ไม่ให้รายละเอียดเรื่องพิกัดที่ทำการเก็บกู้หรือจุดที่เครื่องบินตก
สำหรับเรือ T-ARS 52 สามารถยกวัตถุที่มีน้ำหนักสูงสุด 300 ตันจากท้องทะเล ตามเอกสารจากกองทัพเรือสหรัฐฯ สำหรับเครื่องบินรุ่น F/A-18 มีน้ำหนัก 33 ตัน ส่วนเฮลิคอปเตอร์รุ่น MH-60 มีน้ำหนักราว 60 ตัน
ผู้เชี่ยวชาญสหรัฐฯเช่น นายคาร์ล ชูสเตอร์ อดีตหัวหน้าศูนย์ข่าวกรองร่วมของกองบัญชาการอินโด-แปซิฟิกของสหรัฐฯ เปิดเผยว่า แม้ว่าเครื่องบินทั้งสองลำจะไม่ใช่รุ่นล้ำสมัยที่สุด แต่สหรัฐฯหวั่นเกรงข้อมูลข่าวกรองสำคัญๆเกี่ยวกับเครื่องบินรบของสหรัฐฯจะหลุดไปถึงคู่ปรปักษ์เช่น จีน ถ้าหากจีนส่งเรือลาดตระเวนเข้ามาเก็บกู้ซากเครื่องบินดังกล่าว ที่ผ่านมา สหรัฐฯไม่ได้แถลงเรื่องสาเหตุการตกของเครื่องบินทั้ง 2 ลำ แต่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐฯบอกกับนักข่าวไม่นานหลังเครื่องบินตกว่า เชื้อเพลิงปนเปื้อนอาจจะเป็นสาเหตุทำให้เครื่องบินตก
#สหรัฐ
#กู้ซากเครื่องบิน
#ทะเลจีนใต้
ที่มา: cnn
ข่าวทั้งหมด