(18 พ.ย. 68) คณะรัฐมนตรีเห็นชอบหลักเกณฑ์ เงื่อนไข และวิธีจ่ายเงินช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยในช่วงฤดูฝน ปี 2568 เพิ่มเติม เพื่อให้ครอบคลุมผู้ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์น้ำท่วม โดยเฉพาะกรณีผู้ได้รับผลกระทบต่อที่อยู่อาศัยประจำ จนส่งผลกระทบต่อการดำรงชีวิตและไม่สามารถประกอบอาชีพปกติ ทำให้ขาดรายได้ โดยกำหนดจ่ายเงินเยียวยาแบบขั้นบันได ครัวเรือนละ 5,000 – 20,000 บาท ใน 22 จังหวัด จำนวน 171,302 ครัวเรือน โดย ปภ. จะได้ประสาน 22 จังหวัดที่ประสบภัยตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลผู้ประสบอุทกภัยตามหลักเกณฑ์ เงื่อนไข และวิธีการจ่ายเงินช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยเพิ่มเติม เพื่อให้ประชาชนได้รับความช่วยเหลืออย่างทั่วถึง
นายธีรพัฒน์ คัชมาตย์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) เปิดเผยว่า ตามที่มีสถานการณ์อุทกภัย ดินถล่ม น้ำท่วมฉับพลัน น้ำไหลหลาก น้ำล้นตลิ่ง และน้ำท่วมขัง ก่อให้เกิดความเสียหายต่อชีวิต ทรัพย์สิน ที่อยู่อาศัย พื้นที่การเกษตร และสิ่งสาธารณประโยชน์ รวมถึงส่งผลกระทบต่อการดำรงชีวิตของประชาชนเป็นวงกว้างในห้วงที่ผ่านมา คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบหลักเกณฑ์ เงื่อนไข วิธีการจ่ายเงินช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยในช่วงฤดูฝน ปี 2568 เมื่อวันที่ 21 ตุลาคม 2568 พร้อมทั้งอนุมัติกรอบวงเงิน 6,169.98 ล้านบาท ภายใต้งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น เพื่อช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย โดยเป็นค่าดำรงชีพเบื้องต้นแก่ครอบครัวผู้ประสบภัย เป็นกรณีพิเศษ รัฐบาล โดยนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย มีความห่วงใยพี่น้องประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัย โดยเฉพาะผู้ประสบภัยที่ได้รับผลกระทบจากกรณีน้ำท่วมขังเป็นระยะเวลานาน จึงสั่งการให้กระทรวงมหาดไทย โดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กำหนดหลักเกณฑ์ เงื่อนไข และวิธีการจ่ายเงินช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยในช่วงฤดูฝน ปี 2568 เป็นการเพิ่มเติม โดยใช้กรอบวงเงินงบประมาณในการดำเนินการเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2569 งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น จำนวน 6,169.98 ล้านบาท ที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติอนุมัติ เมื่อวันที่ 21 ตุลาคม 2568
สำหรับเงื่อนไขการพิจารณาการช่วยเหลือเยียวยาเพิ่มเติมนี้ จะเป็นกรณีอุทกภัยที่เกิดผลกระทบต่อบ้านที่อยู่อาศัยประจำในช่วงฤดูฝน ปี 2568 ตั้งแต่วันที่ 15 พฤษภาคม 2568 จำนวน 22 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดฉะเชิงเทรา ชัยนาท ชัยภูมิ นครนายก นครปฐม นครสวรรค์ นนทบุรี ปทุมธานี ปราจีนบุรี พระนครศรีอยุธยา พิจิตร พิษณุโลก เพชรบูรณ์ ศรีสะเกษ สระบุรี สิงห์บุรี สุโขทัย สุพรรณบุรี อ่างทอง อุดรธานี และจังหวัดอุบลราชธานี รวมจำนวน 171,302 ครัวเรือน โดยต้องเกิดน้ำท่วมขังบริเวณที่อยู่อาศัยประจำ จนส่งผลกระทบต่อการดำรงชีวิตและไม่สามารถประกอบอาชีพปกติ ทำให้ขาดรายได้ และได้รับผลกระทบกรณีใดกรณีหนึ่ง ใน 4 กรณี ดังนี้
1) ที่อยู่อาศัยประจำถูกน้ำท่วมขัง ติดต่อกันตั้งแต่ 31-60 วัน ให้ความช่วยเหลือ ครัวเรือนละ 5,000 บาท
2) ที่อยู่อาศัยประจำถูกน้ำท่วมขัง ติดต่อกันตั้งแต่ 61-90 วัน ให้ความช่วยเหลือ ครัวเรือนละ 10,000 บาท
3) ที่อยู่อาศัยประจำถูกน้ำท่วมขัง ติดต่อกันตั้งแต่ 91-120 วัน ให้ความช่วยเหลือครัวเรือนละ 15,000 บาท
4) ที่อยู่อาศัยประจำถูกน้ำท่วมขัง ติดต่อกันตั้งแต่ 121 วันขึ้นไป ให้ความช่วยเหลือ ครัวเรือนละ 20,000 บาท
ปภ. กำชับให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น อำเภอ และจังหวัดเร่งตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลอย่างรอบคอบ พร้อมออกหนังสือรับรองผู้ประสบภัย ผ่านการพิจารณาของประชาคมหมู่บ้าน และตรววจสอบข้อมูลอีกครั้งโดยคณะกรรมการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติอำเภอ (ก.ช.ภ.อ.) และคณะกรรมการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติจังหวัด (ก.ช.ภ.จ.) เพื่อให้ผู้ประสบอุทกภัยได้รับเงินช่วยหลืออย่างเหมาะสม ไม่ให้เกิดการจ่ายเงินซ้ำซ้อน และเป็นไปตามขั้นตอนและหลักเกณฑ์ที่กำหนด เพื่อที่ ปภ. จะได้นำส่งข้อมูลให้ธนาคารออมสินโอนเงินเข้าบัญชีผู้ประสบภัยต่อไป

....
ภาพจาก สนง.ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย จังหวัดสุโขทัย
#อุทกภัย68
#กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย
ข่าวทั้งหมด