เขตเวสต์แบงก์เพิ่มความรุนแรง ผู้ตั้งถิ่นฐานชาวอิสราเอลโจมตี วางเพลิงทรัพย์สินชาวปาเลสไตน์

          สำนักงานประสานงานกิจการด้านมนุษยธรรมแห่งสหประชาชาติ (OCHA) รายงานเหตุกลุ่มผู้ตั้งถิ่นฐานชาวอิสราเอลหลายสิบคน บุกรุกโจมตี และวางเพลิงโกดังสินค้าของชาวปาเลสไตน์ หมู่บ้านเบดูอิน และพื้นที่เกษตรกรรมทางตอนเหนือของเขตเวสต์แบงก์ที่ถูกยึดครอง ทำให้มีชาวปาเลสไตน์บาดเจ็บหลายราย พร้อมตั้งข้อสังเกตว่า ในเดือนตุลาคม (2568) กลุ่มผู้ตั้งถิ่นฐานชาวอิสราเอลก่อเหตุโจมตีมากกว่า 260 ครั้ง เป็นสถิติสูงสุดนับตั้งแต่เริ่มรวบรวมข้อมูลเมื่อเกือบ 20 ปีก่อน

          อิสราเอลสร้างนิคมประมาณ 160 แห่ง เป็นที่อยู่อาศัยของชาวยิว 700,000 คน โดยยึดครองเวสต์แบงก์และเยรูซาเล็มตะวันออก แม้ว่าจะเป็นการตั้งถิ่นฐานโดยผิดกฎหมายภายใต้กฎหมายระหว่างประเทศ ขณะที่มีชาวปาเลสไตน์พักอาศัยอยู่ประมาณ 3,300,000 คนในพื้นที่

          นาย มูอายยัด ชาบาน รัฐมนตรีของปาเลสไตน์และหัวหน้าคณะกรรมการต่อต้านกำแพงและการตั้งถิ่นฐาน (Head of the Wall and Settlement Resistance Commission) กล่าวว่า การโจมตีที่เกิดขึ้นเป็นส่วนหนึ่งของการนโยบายข่มขู่และการก่อการร้าย

          กองกำลังป้องกันประเทศอิสราเอล (IDF) ส่งเจ้าหน้าที่ไปยังที่เกิดเหตุเพื่อสลายเหตุการณ์ และจับกุมพลเรือนชาวอิสราเอลได้หลายราย นอกจากนี้ผู้ตั้งถิ่นฐานยังโจมตีเจ้าหน้าที่และยานพาหนะของพวกเขาได้รับความเสียหาย

          ตำรวจอิสราเอล เพิ่มเติมว่าจับกุมผู้ต้องสงสัย 4 ราย

          ประธานาธิบดีไอแซก เฮอร์ซ็อก แห่งอิสราเอล โพสต์บน X ระบุว่าเป็นเหตุการณ์ที่น่าตกใจและร้ายแรง พร้อมกล่าวโทษกลุ่มบุคคลที่ใช้ความรุนแรงและเป็นอันตรายต่อพลเรือนและเจ้าหน้าที่ไอดีเอฟ ถือเป็นการข้ามเส้นแดง และเขาประณามผู้ก่อเหตุอย่างรุนแรง

พลตรีอาวี บลูธ หัวหน้ากองบัญชาการกลางของไอดีเอฟ ร่วมประณามการโจมตีซึ่งส่งผลกระทบต่อเสถียรภาพ จึงต้องมีการจัดการอย่างจริงจัง

          กลุ่มสิทธิมนุษยชนอิสราเอล รายงานว่า ตำรวจมีการสอบสวน 1,701 คดีเกี่ยวกับความผิดที่ชาวอิสราเอลกระทำต่อชาวปาเลสไตน์ในเขตเวสต์แบงก์ (ไม่รวมเยรูซาเล็มตะวันออก) ระหว่างปี 2548 ถึง 2567 โดยร้อยละ 93.8 ปิดคดีโดยไม่มีการยื่นฟ้อง

....

#เวสต์แบงก์

#อิสราเอล

#สหประชาชาติ