*นายกฯห่วงแผนบริหารจัดการน้ำ เน้นระยะยาวถึงปี2569 ขอทุกคนช่วยประหยัดน้ำ*

การเดินทางลงพื้นที่ไปติดตามปัญหาของประชาชนในพื้นที่จ.ระยอง ของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ ฟังบรรยายสรุปสถานการณ์ผลไม้และการเปิดสวนผลไม้ Homestay เพื่อการท่องเที่ยวเชิงเกษตรเพิ่มรายได้ชาวสวนในพื้นที่ ยืนยันว่า จะทำให้ราคาพืชผลทางเกษตรสูงขึ้น ด้วยการเพิ่มช่องทางการตลาดรวมถึงพัฒนาให้เป็นศูนย์กลางอาหารของโลก เตรียมความพร้อมรองรับการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ โดยเฉพาะเรื่องน้ำต้องมีการบริหารจัดการน้ำอย่างเป็นระบบ  เนื่องจากฝนไม่ตกทำให้น้ำต้นทุนน้อย รัฐบาลเพิ่มพื้นที่ชลประทาน และขุดน้ำบาดาลเพื่อสนับสนุนการเกษตร ในช่วงฤดูแล้งขอให้ประชาชนช่วยกันทำแก้มลิง ขุดลอกคลองในพื้นที่หมู่บ้านและชุมชนเพื่อกักเก็บน้ำในช่วงฤดูฝน

สำหรับการเพาะปลูกนอกพื้นที่เขตชลประทาน เกษตรกรต้องปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการเพาะปลูกให้สอดคล้องเหมาะสมกับพื้นที่และปริมาณน้ำ สิ่งที่กังวลคือเรื่องของแผนการบริหารจัดการน้ำโดยรัฐบาลได้วางแผนตั้งแต่ปี 2557 ที่รื้อมาทำใหม่ โดยเป็นแผนระยะยาวถึงปี 2569 ทั่วประเทศจะต้องมีน้ำประปาภายในปี 2560 ใน 7,400 หมู่บ้าน และให้มีแหล่งน้ำการเกษตรชลประทาน 732 แห่ง รวมถึงแก้แหล่งน้ำนอกเขตชลประทาน 2,157 แห่งให้เสร็จในปี 2558 และต้องหาแนวทางช่วยเหลือประชาชนนอกเขตชลประทาน อยากให้มีการเกษตรแบบอุตสาหกรรม พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวถึง การขุดน้ำบาดาลเพื่อการเกษตรให้ได้กว่า 1,000 แห่ง เพื่อใช้สำหรับพื้นที่ 1 ล้านไร่ โดยขณะนี้ มีการขุดน้ำบาดาลเพื่อการเกษตรได้แล้ว 6.6 หมื่นไร่ อยากขอให้ทุกคนช่วยกันประหยัดน้ำ ไม่ใช่ประหยัดเพื่อตัวเอง แต่เป็นการประหยัดเพื่อคนรุ่นต่อไป โดยต้องร่วมมือกัน

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวถึงการก่อสร้างโรงไฟฟ้าว่า ขอเตือนว่าหากภายใน 1-2 ปีนี้ ถ้าไม่สามารถสร้างโรงไฟฟ้าเพิ่มเติมได้ ค่าไฟจะสูงขึ้น เพราะขณะนี้ใช้น้ำมันและก๊าซเป็นต้นทุนผลิตไฟฟ้า จึงอยากให้ทุกคนเข้าใจ อย่าคิดเอาเอง เพราะบางอย่างที่เดินหน้าไม่ได้ เพราะไม่ผ่านการทำประชาพิจารณ์ EIA HIA

CR:รัฐบาลไทย