กรณีที่มีรายงานเรื่องการปล่อยตัวเชลยศึกชาวกัมพูชา 18 คน ในวันที่ 12 พฤศจิกายนนี้ พลตรี วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก กล่าวว่า ยังอยู่ระหว่างขั้นตอนการพิจารณา และเตรียมการ โดยเวลาที่อาจเป็นไปได้ ต้องหลังจากมีการถอนอาวุธหนัก ในเฟส 1 และไม่ขัดขวางการเก็บกู้ทุ่นระเบิดในพื้นที่ที่กำลังดำเนินการอยู่ในห้วงนี้
ส่วนกรณีที่คณะกรรมาธิการการทหาร นำประเด็นงบประมาณจำนวน 200,000 ล้านบาทของกระทรวงกลาโหม มาเชื่อมโยงกับการที่ภาคประชาชนร่วมบริจาคสิ่งของเพื่อสนับสนุนการปฏิบัติงานและให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ในช่วงสถานการณ์ชายแดนไทย–กัมพูชา พลตรี วินธัยชี้แจงว่า งบประมาณที่กล่าวถึงคืองบประมาณประจำปีที่มีการจัดทำและเสนอขอเป็นประจำทุกปี มีการระบุรายละเอียดอย่างชัดเจนว่าใช้เพื่อดำเนินแผนงานหรือโครงการใด ต้องผ่านกระบวนการกลั่นกรองและตรวจสอบอย่างรอบคอบของสภาผู้แทนราษฎร จึงไม่สามารถนำงบประมาณไปใช้นอกเหนือจากวัตถุประสงค์ที่กำหนด
โดยปกติ การเสนอของบประมาณจะต้องดำเนินการล่วงหน้าอย่างน้อยหนึ่งปี เช่น งบประมาณปี 2569 จะต้องจัดทำและเสนอขอตั้งงบประมาณตั้งแต่ต้นปีงบประมาณ 2568 (1 ต.ค. 68) เพื่อให้ผ่านกระบวนการกลั่นกรองและพิจารณาได้ทันก่อนเริ่มปีงบประมาณใหม่
สำหรับเหตุการณ์ที่ไม่สามารถคาดการณ์ได้ล่วงหน้า เช่น ภัยธรรมชาติ หรือภัยคุกคามจากมนุษย์ มักดำเนินการโดยใช้งบประมาณกลางของรัฐบาลในการแก้ไขปัญหาเร่งด่วน ซึ่งเป็นงบที่เตรียมไว้เพื่อให้สามารถตอบสนองต่อสถานการณ์ฉุกเฉินได้อย่างทันท่วงที
พลังความสามัคคีของภาคประชาชน คือกลไกสำคัญในการสนับสนุนภาครัฐในยามวิกฤต แม้ว่าภาครัฐจะมีการวางแผนงบประมาณด้านความมั่นคงอย่างเป็นระบบ และมีงบกลางสำหรับการแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า แต่สิ่งที่เห็นได้ชัดเจนคือ พลังความสามัคคีของภาคประชาชน ที่ร่วมสนับสนุนและส่งกำลังใจให้เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานในยามวิกฤตที่ผ่านมาได้ช่วยเสริมศักยภาพในการปฏิบัติภารกิจและแก้ไขสถานการณ์เฉพาะหน้าได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ ที่สำคัญการมีส่วนร่วมของประชาชนยังช่วยสร้าง ขวัญและกำลังใจ ให้แก่เจ้าหน้าที่ ซึ่งถือเป็นพลังที่ไม่อาจประเมินค่าได้
...
#กองทัพบก