นายกฯ นำ14ภาคีเครือข่าย MOU ประกาศสงคราม 'อาชญากรรมเทคโนโลยี' เป็นวาระแห่งชาติ ไทยปลอดภัยจากสแกมเมอร์

06 พฤศจิกายน 2568, 16:17น.


          นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เป็นประธานพิธีลงนามบันทึกความเข้าใจ (Memorandum of Understanding: MOU) ว่าด้วยความร่วมมือในการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ณ ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล กรุงเทพฯ โดยมี รองนายกรัฐมนตรี คณะรัฐมนตรี ผู้บริหารหน่วยงานภาครัฐและเอกชน และสื่อมวลชน ร่วมในงาน ในการนี้ นายอรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์ ปลัดกระทรวงมหาดไทย ร่วมลงนาม โดยมี นายนฤชา โฆษาศิวิไลซ์ หัวหน้าผู้ตรวจราชการกระทรวงมหาดไทย นายนิรัตน์ พงษ์สิทธิถาวร อธิบดีกรมการปกครอง ร่วมเป็นสักขีพยาน



          นายอนุทิน กล่าวว่า ในนามของรัฐบาลและข้าราชการผู้บริหารหน่วยงานภาครัฐ รัฐวิสาหกิจ และภาคเอกชน ได้มาร่วมลงนามบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือในการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี วันนี้ถือเป็นก้าวสำคัญของประเทศไทย ที่ได้รวมพลังและประกาศสงครามกับอาชญากรรมออนไลน์



          สงครามนี้เป็นสงครามที่เราจะต้องชนะให้ได้เท่านั้น เพื่อปกป้องพี่น้องประชาชนทุกคนจากภัยของเหล่าสแกมเมอร์ที่กำลังบ่อนทำลายประเทศอยู่ทุกวัน เพราะเมื่อมีเพียงคนหนึ่งตกเป็นเหยื่อ ครอบครัวทั้งครอบครัวก็จะได้รับผลกระทบทั้งทางร่างกาย จิตใจ และชีวิตความเป็นอยู่ คนจำนวนมากต้องเผชิญความทุกข์ ความเครียดอย่างแสนสาหัส ศักยภาพและชื่อเสียงของประเทศถูกบ่อนทำลายจากการกระทำของมิจฉาชีพ ภาพลักษณ์ของประเทศถูกบั่นทอน ความเชื่อมั่นในประเทศไทย ทั้งในด้านการค้า การลงทุน และการท่องเที่ยวได้รับผลกระทบอย่างรุนแรง ซึ่งส่งผลต่อระบบเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศ ความเสียหายที่เกิดจากภัยอาชญากรรมทางเทคโนโลยีมีมากมายจนไม่อาจประเมินค่าได้ นี่คือภัยคุกคามความมั่นคงอันดับต้นๆ ของประเทศ รัฐบาลจึงประกาศอย่างชัดเจนว่า อาชญากรรมทางเทคโนโลยีคือวาระแห่งชาติ ที่ต้องได้รับการแก้ไข ป้องกัน และปราบปรามให้หมดสิ้นไป เพื่อให้ประเทศไทยเป็นพื้นที่ปลอดภัยจากสแกมเมอร์ และเป็นดินแดนต้องห้ามของอาชญากรรมทุกรูปแบบ ประเทศไทยต้องปลอดภัยจากสแกมเมอร์ให้ได้



          บันทึกความเข้าใจ (MOU) ฉบับนี้ มีจุดประสงค์เพื่อขับเคลื่อนการปฏิบัติการเชิงรุกใน 5 ด้านหลัก ได้แก่ 1. การบังคับใช้กฎหมายอย่างเด็ดขาด ทั้งต่อผู้กระทำความผิดและผู้สนับสนุนเบื้องหลัง 2. การสร้างระบบประสานงานแบบบูรณาการ เชื่อมโยงข้อมูลข่าวกรองและการสืบสวน 3. การยึดและอายัดทรัพย์สินที่เกี่ยวข้องทันที ตัดเส้นทางการเงินของอาชญากร ไม่ให้ใช้ประเทศไทยเป็นฐานฟอกเงิน 4. การใช้เทคโนโลยีขั้นสูงและปัญญาประดิษฐ์ (AI) เพื่อตรวจจับเส้นทางเงินและพฤติกรรมของมิจฉาชีพ ป้องกันก่อนเกิดเหตุ และ 5. การสร้างภูมิคุ้มกันให้ประชาชนมีความรู้เท่าทัน แจ้งเบาะแส และช่วยกันเป็นหูเป็นตาในการต่อสู้กับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี



          ภาพที่เห็นในวันนี้สะท้อนให้เห็นอย่างชัดเจนว่า รัฐบาลไทยให้ความสำคัญกับการแก้ไขปัญหาอาชญากรรมทางเทคโนโลยีอย่างจริงจัง และวันนี้ได้พิสูจน์แล้วว่า “ไม่มีใครจะนิ่งเฉยต่อภัยอาชญากรรมที่ทำร้ายประเทศไทยได้อีกต่อไป” ผู้บริหารทุกท่านที่มาร่วมในวันนี้ทุกท่านมีเจตนารมณ์แน่วแน่ในการร่วมกันปกป้องพี่น้องประชาชนให้ปลอดภัยจากอาชญากรรมทางเทคโนโลยีอย่างแท้จริง



 



#MOUปราบสแกมเมอร์



#ประกาศสงครามอาชญากรรมเทคโนโลยี 



Cr:กระทรวงมหาดไทย 

ข่าวทั้งหมด

X