การปิดทำการหน่วยงานรัฐบาลสหรัฐฯ ผ่านวันที่ 35 ยังไม่มีท่าทีจะยุติ

          การปิดหน่วยงานของรัฐบาลสหรัฐฯ หรือชัตดาวน์ ผ่านวันที่ 35 ในวันอังคาร (4 พ.ย.68) ตามเวลาท้องถิ่น ซึ่งเท่ากับสถิติที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์เคยทำไว้ในช่วงดำรงตำแหน่งสมัยแรก แต่สมาชิกพรรครีพับลิกันและพรรคเดโมแครตในรัฐสภายังคงกล่าวโทษอีกฝ่ายว่าเป็นต้นเหตุของความตึงเครียดครั้งนี้

          วุฒิสภามีการลงมติคัดค้านการจัดสรรงบประมาณชั่วคราวที่เสนอโดยสภาผู้แทนราษฎรไปแล้วมากกว่าสิบครั้ง และไม่มีสมาชิกสภานิติบัญญัติคนใดเปลี่ยนจุดยืนในการออกเสียง แม้ว่าพรรครีพับลิกันของประธานาธิบดีทรัมป์จะครองเสียงข้างมาก 53 ต่อ 47 ในวุฒิสภา แต่จำเป็นต้องได้รับคะแนนเสียงจากพรรคเดโมแครตอย่างน้อย 7 เสียงจึงจะผ่านเกณฑ์ 60 เสียงเพื่อผ่านกฎหมาย ส่วนพรรคเดโมแครต ย้ำจุดยืนให้ขยายระยะเวลาการอุดหนุนประกันสุขภาพบางประเภท

          นายจอห์น ธูน ผู้นำเสียงข้างมากในวุฒิสภาของพรรครีพับลิกัน กล่าวว่า ผู้เสียหายจากการที่เดโมแครตไม่ยอมรอมชอมต่อข้อเรียกร้อง กำลังเพิ่มขึ้นทุกวัน

          แต่นายชัค ชูเมอร์ คู่แข่งจากพรรคเดโมแครต กล่าวแสดงความเห็นว่า ในขณะที่ประธานาธิบดีทรัมป์กำลังให้ความสนใจกับการปรับปรุงห้องน้ำในทำเนียบขาว ชาวอเมริกันจำนวนมากกำลังวิตกกังวลว่าพวกเขาจะจ่ายค่ารักษาพยาบาลได้อย่างไร

สื่อในสหรัฐฯ ตั้งข้อสังเกตว่า การชัตดาวน์ในครั้งนี้ แสดงให้เห็นถึงการแบ่งขั้วทางการเมืองอย่างชัดเจน นักการเมืองจากทั้ง 2 พรรค ยังไม่มีความพยายามใดๆ ที่จะยุติเหตุการณ์ สภาผู้แทนราษฎรไม่มีการประชุมตั้งแต่วันที่ 19 กันยายน และประธานาธิบดีทรัมป์ก็แทบจะไม่ได้อยู่ที่วอชิงตัน

          ความช่วยเหลือด้านอาหารสำหรับชาวอเมริกันประมาณ 42 ล้านคนในโครงการ SNAP หมดลงเมื่อวันเสาร์ (1 พ.ย.) หลายครอบครัวไม่มีเงินช่วยเหลือจากแสตมป์อาหารเฉลี่ยเดือนละประมาณ 180 ดอลลาร์ นอกจากนี้ โครงการเรียนรู้สำหรับเด็กในครอบครัวที่มีรายได้น้อยก็ปิดตัวลง เนื่องจากไม่ได้รับเงินทุนใหม่เมื่อวันที่ 1 พฤศจิกายน

          เจ้าหน้าที่ในหน่วยงานรัฐบาลกลางที่ถูกระบุว่าเป็นหน่วยงานที่จำเป็น แต่พวกเขายังต้องมาทำงานโดยไม่ได้รับค่าจ้าง จึงเริ่มการหยุดงาน และลาป่วยเป็นระยะ สำนักงานงบประมาณรัฐสภาสหรัฐฯ ประเมินว่าหากสถานการณ์ยืดเยื้อต่อไปอีก 1 สัปดาห์จะสร้างความเสียหายต่อเศรษฐกิจสหรัฐฯ 11,000 ล้านดอลลาร์

          ผลสำรวจความเห็นพบว่าคนอเมริกันตำหนิทั้ง 2 พรรคในรัฐสภาว่าเป็นต้นเหตุของการชัตดาวน์ แต่ร้อยละ 50 ชี้ว่าเป็นความผิดของของพรรครีพับลิกัน และร้อยละ 43 ตำหนิพรรคเดโมแครต

…

#ชัตดาวน์

#การเมืองสหรัฐ