สถานการณ์น้ำ หลังเกิดฝนตกต่อเนื่องแม้จะเข้าสู่ฤดูหนาว ดร.สิตางค์ พิลัยหล้า ผู้ช่วยศาสตราจารย์ และอาจารย์ประจำภาควิชาวิศวกรรมทรัพยากรน้ำ คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์  โพสต์ผ่านเพจ ส่วนตัว Sitang Pilailar  ถึงสถานการณ์ ระบุว่า สิ่งที่เรากำลังจะเจอช่วงนี้ มันคือ สถานการณ์ 3 น้ำ คือ น้ำเหนือ-น้ำฝน-น้ำหนุน**
	
	          อัพเดท จากการประชุมอนุอำนวยการ เมื่อวานนี้ ในขณะที่ ที่ผ่านมา เราพูดกันถึงการเร่งระบายแนวดิ่งของแม่น้ำเจ้าพระยา เพื่อจะได้ ระบายน้ำออกจากทุ่ง เพื่อลดระดับน้ำตลอดแนวแม่น้ำ และ เพื่อคืนพื้นที่ทุ่งให้พี่น้องเกษตรกร แต่ด้วยฝนที่มาในหน้าหนาว ฝนตกหนักในพื้นที่ภาคเหนือ ภาคกลาง ทั้งเชียงใหม่ สุโขทัย ตาก สุพรรณบุรีทำให้เกิดน้ำหลากพื้นที่ต้นน้ำ ทั้งออบหลวง ดอยอินทนนท์ สันป่าตอง จ.เชียงใหม่ และในพื้นที่อุทยานบางแห่ง รวมถึงมีน้ำล้นอ่าง เช่นที่ แม่มอก สุโขทัย เป็นสถานการณ์น้ำที่ต้องบริหารจัดการ โดยต้องคำนึงถึง
	* ปริมาณน้ำเก็บกักในเขื่อนภูมิพล (ตอนนี้ 96% รับได้อีกประมาณ 4xx ล้าน ลบ.ม. น้ำลงอ่างยังเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ กฟผ. คาดว่า จะเก็บน้ำที่อัตราการระบายเดิมได้ถึงแค่วันที่ 7) ซึ่งต้องปรับเพื่มการระบายจากช่วงนี้ วันละ 13 ล้าน ไปแตะ 20 ล้าน ลบ.ม.ต่อวัน และวันที่ 7 อาจต้องปรับระบาย 30 ล้าน ลบ.ม.ต่อวัน
	* น้ำในเขื่อนสิริกิติ์ (ตอนนี้ 97% แต่สถานการณ์ค่อนข้างคงที่) ส่วนตัวลำน้ำน่าน น้ำยังต่ำกว่าตลิ่ง ยังไม่น่ากังวล
	* น้ำยม สุโขทัยอ่วมแน่ เพราะฝนตกมาก และ น้ำในอ่างแม่มอกก็ล้นด้วย ปีนี้ พี่น้องสุโขทัยก็เหนื่อยไม่ได้พักอีกแล้ว
	* ระดับน้ำที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น ที่ C2 นครสวรรค์ ซึ่ง ชป. คาดว่าจะไปแตะระดับสูงสุดที่ 2,879 ลบ.ม./วินาที วันที่ 6 นี้ (ศักยภาพที่ C2 คือ 3,660 ลบ.ม./วินาที)
	* น้ำ side flow จากหลายทิศทาง ซึ่งช่วงนี้ น้ำจากสะแกกรังมาค่อนข้างมาก ใน scenario จำลองน้ำ side flow ที่ 250 ลบ.ม./วินาที จะส่งผลให้ น้ำที่ C13 เขื่อนเจ้าพระยา 2,967 ลบ.ม./วินาที (ศักยภาพของ C13 คือ 2,716 ลบ.ม./วินาที และต้องคุมระดับน้ำเหนือเขื่อนเจ้าพระยาที่ราวๆ 17 ม.รทก.) วันนี้ ระบายที่ 2,400 ลบ.ม./วินาที แต่คาดว่า คืนนี้หรือพรุ่งนี้ คงได้เห็น 2,500 ตัวเลขการระบายมากที่สุดที่คุยกันในที่ประชุมคือ 2,600 ลบ.ม./วินาที แต่หน่วยงานก็พยามจะจัดการให้คุมที่ 2,500 ให้ได้ ซึ่ง กรมชลประทาน (ชป.) จะผันไปทางตะวันออกและตะวันตก 500 ลบ.ม./วินาที ช่วงนี้ เราไม่ดันเข้าทุ่งแล้ว แต่ฝนก็ไปเพิ่มน้ำในทุ่งเรื่อยๆ นะ
	          อย่างไรก็ตาม ตอนนี้เขื่อนป่าสักเต็ม 100% ไปแล้ว ทางฝั่งป่าสักก็มีผลต่อฝั่งเพชรบูรณ์ และ มีผลต่อการระบายของเจ้าพระยาด้วย และ 5-9 พ.ย. เป็นช่วงจังหวะน้ำทะเลหนุน จะทำให้ระดับน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยายกตัวสูง ถ้าระบายเกิน 2,400 ลบ.ม.ต่อวินาที จะทำให้ระดับน้ำช่วง กทม. สูงกว่า 2 เมตร ซึ่งเดือนที่แล้วเคยสูงไปถึง 2.19 เมตร มีล้นคันแถววังเดิม กองทัพเรือ ไปแล้ว ฉะนั้น รอบนี้ มีน้ำล้นคัน และ อาจมีน้ำดันท่อด้วย
	          สรุป ช่วงนี้ สิ่งที่เราเจอ คือ น้ำเหนือ น้ำฝน น้ำทะเลหนุน .. ครบ 3 น้ำค่ะ ไม่ได้พูดให้ตกใจ แต่แจ้งเพื่อให้เตรียมรับมือกับสิ่งที่จะเกิดขึ้นค่ะ ทั้งพื้นที่เสี่ยงน้ำหลาก (ที่อยู่ทางต้นน้ำ) / น้ำล้นตลิ่ง น้ำล้นคัน / น้ำทะเลหนุน ที่ทำให้ระบายไม่ออก และ ถ้ามีฝนตกใน กทม. จะเกิดน้ำดันท่อขึ้นมาท่วม
	          ภายใต้สถานการณ์นี้ ยกของขึ้นที่สูงมากกว่าเดิมอีก อย่างน้อย ครึ่งเมตรค่ะ
	 
	 
	#น้ำท่วม68
 ข่าวทั้งหมด