การสอบสวนในคดีคนร้าย 4 คน ร่วมบุกปล้นอัญมณีล้ำค่าทางประวัติศาสตร์ จำนวน 8 ชิ้น มูลค่า 88 ล้านยูโร ไปจากพิพิธภัณฑ์ลูฟวร์ก กรุงปารีสเมื่อเช้าวันอาทิตย์ที่ 19 ต.ค.โดยคนร้ายใช้เวลาไม่ถึง 8 นาทีในการก่อเหตุ พังหน้าต่างของอาคาร ใช้เครื่องมือช่างทุบตู้กระจกที่จัดแสดงเครื่องอัญมณี ก่อนลักเครื่องอัญมณีและหลบหนีไป สร้างความตกตะลึงให้กับคนทั่วโลก ซึ่งต่อมา ตำรวจจับกุมคนร้าย 2 ใน 4 คนเมื่อวันเสาร์ที่แล้ว(25 ต.ค.)
นางลอร์ เบคคูโอ พนักงานอัยการกรุงปารีส เปิดเผยว่า คนร้ายรายแรกเป็นชาวแอลจีเรีย วัย 34 ปี อาศัยอยู่ในเทศบาล โอแบร์วิลลิเยร์ ทางตอนเหนือของกรุงปารีสมาตั้งแต่ปี 2553 ถูกจับที่สนามบินชาร์ล เดอ โกล กรุงปารีส ขณะเตรียมนั่งเครื่องบินไปแอลจีเรีย โดยไม่มีตั๋วบินกลับ ส่วนอีกรายเป็นชาวมาลีอายุ 39 ปี ถูกจับที่บ้านพักในเทศบาล โอแบร์วิลลิเยร์ ไม่มีหลักฐานบ่งชี้ว่าเตรียมเดินทางไปต่างประเทศ แต่ตำรวจพบว่า ดีเอ็นเอของคนร้ายรายนี้ ตรงกับหลักฐาน ดีเอ็นเอที่พบในพิพิธภัณฑ์ที่เกิดเหตุ ส่วนคนร้ายอีก 2 คนอยู่ระหว่างหลบหนี พร้อมเครื่องอัญมณีล้ำค่าที่หายไปจากพิพิธภัณฑ์ ซึ่งตำรวจอยู่ระหว่างเร่งติดตามจับกุม
เบื้องต้น พนักงานสอบสวนได้แจ้งข้อหา 2 คนร้ายในข้อหาสมคบกันเพื่อก่ออาชญากรรม และร่วมกันปล้นทรัพย์ไปจากพิพิธภัณฑ์ ซึ่งคนร้าย 2 คนที่ถูกจับ ให้การรับสารภาพว่า ก่อเหตุจริงในวันเกิดเหตุ และทั้งสองคนจะยังคงถูกควบคุมตัวในห้องขังต่อไประหว่างการสอบสวน โดยนางเบคคูโอ ปฏิเสธที่จะเปิดเผยรายละเอียดต่างๆเกี่ยวกับคำให้การของคนร้าย หวั่นเกรงว่าพวกของคนร้าย 2 คนที่หลบหนี อาจจะล่วงรู้ถึงแนวทางการสอบสวนของตำรวจ และจะมีผลเสียต่อรูปคดี
#คดีปล้นอัญมณีฝรั่งเศส
ที่มา: ap
ข่าวทั้งหมด