นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีของไทย และฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ลงนามแผนปฏิบัติการไทย-กัมพูชา ที่กรุงกัวลาลัมเปอร์ มาเลเซีย โดยมีประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐร่วมในฐานะเป็นสักขีพยาน ข้อตกลงฉบับนี้ต่อยอดจากข้อตกลงที่ลงนามเมื่อ 3 เดือนก่อน หลังทรัมป์โทรศัพท์พูดคุยกับผู้นำสองฝ่ายและเตือนให้ยุติการสู้รบ มิฉะนั้นอาจสั่งระงับการเจรจาการค้ากับสหรัฐฯ ชั่วคราว
+++ดำเนินการลดความตึงเครียดทางการทหารภายใต้การสังเกตการณ์และการยืนยันตรวจสอบโดย AOT ซึ่งรวมถึงการถอนอาวุธและยุทโธปกรณ์หนักและทำลายล้างสูงออกจากแนวชายแดน และนำกลับไปยัง ที่ตั้งปกติของหน่วยทหารแต่ละประเทศ ในบริบทดังกล่าว ทั้งสองฝ่ายจะมอบหมายให้คณะทำงาน ของแต่ละฝ่ายร่วมกันหารือเพื่อนำไปสู่ข้อสรุปเรื่องการจัดทำแผนปฏิบัติการที่ปฏิบัติได้และเป็นขั้นตอน ภายใต้การสังเกตการณ์โดยคณะผู้สังเกตการณ์การหยุดยิงชั่วคราว (IOT) และหลังจากนั้นโดย AOT ตามที่กำหนดในเอกสารขอบเขตการจัดตั้ง
+++ละเว้นการเผยแพร่หรือส่งเสริมการใช้ข้อมูลเท็จ การกล่าวอ้าง การกล่าวหา และวาทกรรมที่สร้าง ความเสียหาย ไม่ว่าจะผ่านช่องทางที่เป็นทางการของรัฐบาลหรือช่องทางไม่เป็นทางการ เพื่อลด ความตึงเครียด บรรเทาความรู้สึกเชิงลบของสาธารณชน และสร้างบรรยากาศที่เอื้อต่อการหารืออย่างสันติ
+++เห็นพ้องที่จะดำเนินมาตรการสร้างความเชื่อมั่นโดยทันทีและเต็มรูปแบบเพื่อฟื้นฟูและรักษาความเชื่อมั่น ความไว้วางใจซึ่งกันและกัน และสันติภาพตามแนวชายแดน และเพื่อแก้ไขความแตกต่างอย่างสันติ ด้วยความเป็นเพื่อนบ้านที่ดี มิตรภาพ และความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน และร่วมมือเพื่อนำไปสู่การฟื้นฟู ความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างสองประเทศ
ผู้นำสหรัฐฯ กล่าวระหว่างพิธีลงนามครั้งนี้ว่า สหรัฐมีบทบาทสำคัญในการยุติการสู้รบตามแนวชายแดนไทยกัมพูชา เมื่อเดือนก.ค.โดยระบุว่า "เราเป็นฝ่ายทำให้เรื่องนี้ยุติลงได้"
ทรัมป์เผยว่า หลังเกิดเหตุนองเลือดบริเวณชายแดนไทยกัมพูชาเมื่อช่วงกลางปี มีการติดต่อพูดคุยกันหลายครั้งระหว่างผู้นำทั้งสี่ฝ่าย ก่อนที่ทั้งสองประเทศจะตกลงหยุดยิงทันทีและไม่มีเงื่อนไข หลังการสู้รบต่อเนื่องหลายวัน
นอกจากนี้ ทรัมป์ยังกล่าวว่า เขามีฝีมือในการทำข้อตกลงสันติภาพ และทำได้ดีกว่าองค์การสหประชาชาติ (UN) พร้อมยืนยันว่าสหรัฐฯ จะยังคงมีบทบาทในการส่งเสริมสันติภาพในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ต่อไป
ด้านเฟซบุ๊กเพจของสำนักข่าว Fresh News ได้เผยแพร่แถลงการณ์ของกระทรวงการต่างประเทศและความร่วมมือระหว่างประเทศ กัมพูชา ระบุว่า วันนี้ถือเป็นเหตุการณ์ประวัติศาสตร์ที่มีความสำคัญอย่างยิ่งยวดสำหรับกัมพูชาและไทย โดยย้ำถึงความเชื่อมั่นร่วมกันของทั้งสองประเทศว่าสันติภาพสามารถเกิดขึ้นได้ ตราบใดที่ประเทศต่างๆ มีความกล้าหาญและมีสามัญสำนึกที่จะร่วมกันแสวงหาสันติภาพต่อไป
กัมพูชายืนยันความมุ่งมั่นอย่างแน่วแน่ที่จะปฏิบัติตามแถลงการณ์ร่วมอย่างเต็มที่และซื่อสัตย์ และจะสานต่อความร่วมมืออย่างใกล้ชิดกับประเทศไทยและประเทศพันธมิตรทุกฝ่าย เพื่อให้มั่นใจว่าสันติภาพนี้จะยั่งยืนและนำมาซึ่งผลประโยชน์ที่เป็นรูปธรรมแก่ประชาชนของทั้งสองประเทศ นายกรัฐมนตรียังเรียกร้องให้ประชาคมระหว่างประเทศและภาคีต่างๆ สนับสนุนและมีส่วนร่วมอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้มั่นใจว่าแถลงการณ์ร่วมจะบรรลุผลสำเร็จ พร้อมทิ้งท้ายว่า หวังจะมีการปล่อยตัวทหารกัมพูชา 18 นายโดยทันที โดยคำนึงถึงหลักมนุษยธรรมและเป็นไปตามฉันทามติในแถลงการณ์ร่วม
ภายหลังการลงนาม ได้มีการเผยแพร่ภาพ 4 ผู้นำ จับมือกันแบบนี้

อ่านแถลงการณ์ฉบับเต็มของไทย https://shorturl.asia/vM9zg
#เขมรรุกรานไทย
ข่าวทั้งหมด