วันนี้ (วันอาทิตย์ที่ 26 ตุลาคม 2568) เวลา 08.00 น. (ตามเวลาท้องถิ่นกรุงกัวลาลัมเปอร์ ซึ่งเร็วกว่ากรุงเทพฯ 1 ชม.) นายสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เผยภารกิจในวันนี้ของนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในการเข้าร่วมการประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ 47
เมื่อเวลา 09.45 น. นายกรัฐมนตรีมีกำหนดการพบหารือทวิภาคีกับนายอันโตนิอู กุแตเรช (H.E. Mr. António Guterres) เลขาธิการสหประชาชาติ และพบหารือทวิภาคีกับนายแฟร์ดีนันด์ โรมูอัลเดซ มาร์โคส จูเนียร์ (H.E. Mr. Ferdinand Romualdez Marcos Jr.) ประธานาธิบดีสาธารณรัฐฟิลิปปินส์ ในเวลา 10.20 น. หลังจากนั้น เวลา 11.00 น. นายกรัฐมนตรีจะเข้าร่วมการประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ 47 แบบเต็มคณะ (Plenary) และเป็นสักขีพยานในพิธีส่งมอบพิธีสารแก้ไขความตกลงการค้าสินค้าของอาเซียน (ATIGA) ฉบับที่ 2 ซึ่งสะท้อนถึงการขับเคลื่อนตลาดการค้าเสรีในภูมิภาคอย่างต่อเนื่อง
เวลาประมาณ 12.00 น. นายกรัฐมนตรีมีกำหนดการหารือทวิภาคีกับประธานาธิบดีแห่งสหรัฐอเมริกา นายโดนัลด์ เจ ทรัมป์ (The Honorable Donald J. Trump) ซึ่งจะเป็นโอกาสในการผลักดันประเด็นความร่วมมือที่สำคัญ โดยเฉพาะด้านการค้า และความมั่นคง รวมถึงการปราบปรามสแกมเมอร์
ภายหลังเสร็จสิ้นการหารือ นายกรัฐมนตรีจะเข้าร่วมลงนามถ้อยแถลงผลการพบหารือระหว่างนายกรัฐมนตรีราชอาณาจักรไทยและนายกรัฐมนตรีราชอาณาจักรกัมพูชา ณ กรุงกัวลาลัมเปอร์ มาเลเซีย (Joint Declaration by the Prime Minister of the Kingdom of Cambodia and the Prime Minister of the Kingdom of Thailand on the outcomes of their meeting in Kuala Lumpur, Malaysia) โดยมีนายกรัฐมนตรีมาเลเซียและประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา ร่วมเป็นสักขีพยานการลงนามดังกล่าว
ก่อนหน้านี้ ตามเวลาประเทศไทย นายอนุทิน ไลฟ์สดผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวจากกรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย โดยระบุว่า วันนี้จะมีเหตุการณ์สำคัญที่น่าจะเป็นผลดีต่อประเทศไทย คือ การประชุมสุดยอดอาเซียน (ASEAN Summit) ซึ่งในช่วงสายจะมีการลงนาม ในปฏิญญาเพื่อหาแนวทางการเจรจาและปฏิบัติ ที่จะนำไปสู่สันติภาพระหว่างประเทศไทยและกัมพูชา ยืนยันว่าที่ตัดสินใจไลฟ์สดผ่านเฟซบุ๊กในวันนี้ ก็เพื่อสร้างความมั่นใจให้ประชาชนว่า ในปฏิญญา 4 ข้อที่จะลงนามกับรัฐบาลกัมพูชา ไม่มีข้อใดที่ทำให้ประเทศไทยเสียเปรียบแม้แต่ข้อเดียว โดยมีหัวข้อหลัก 4 ประการที่รัฐบาลกัมพูชาจะต้องดำเนินการ ได้แก่
1. การถอนอาวุธหนักออกจากแนวชายแดน
2. การเก็บกู้วัตถุระเบิด
3. ความร่วมมือในการปราบปรามอาชญากรรม โดยเฉพาะอาชญากรรมทางเทคโนโลยีและแก๊งสแกมเมอร์
4. การหาแนวทางบริหารจัดการพื้นที่ทับซ้อนร่วมกัน เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาในอนาคต
ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ทั้ง 4 ข้อจะต้องเริ่มดำเนินการจากฝ่ายกัมพูชาก่อน จากนั้นประเทศไทยจึงจะประเมินและดำเนินการต่อไป เพื่อให้เกิดสันติภาพและความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างสองประเทศ โดยมีนายกรัฐมนตรีมาเลเซียและประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ ร่วมเป็นสักขีพยานด้วยเรายังไม่เห็นจุดใดที่จะทำให้ประเทศไทยของเราเสียเปรียบ ตนไม่ได้มองการได้เปรียบเสียเปรียบ แต่มองในเรื่องความปลอดภัยของพี่น้องประชาชน การที่จะทำให้ประเทศไทยรักษา เกียรติภูมิรักษา อธิปไตยและรักษาดินแดนของเราไว้ได้ ทุกอย่างการที่จะต้องไปตกลงเรื่องเขตแดนต่างๆ ที่มีคนบอกว่าเรายอมแผนที่ 1: 200,000 แล้วนั้นไม่เป็นความจริง เราไม่เคยยอม
แต่ตอนนี้มีเทคโนโลยีใหม่เข้ามา ที่เรียกว่า LiDAR เมื่อนำไปสู่การเจรจา เรื่องการปักปันเขตแดน ให้ครบก็จะใช้เทคโนโลยีนี้มา ซึ่งแผนที่ 1: 200,000 จะหมดไปโดยปริยายดังนั้นจะใช้การเจรจาบนหลักของความเป็นจริง โดยเทคโนโลยีสมัยใหม่ให้ได้มากที่สุด ซึ่งทั้งสองฝ่ายก็ตกลงตามนี้
“ขอให้ความมั่นใจอีกครั้งว่าพวกเราทุกคนทำงานอย่างเต็มที่ กว่าจะมาถึงจุดนี้ได้ ไม่ใช่เป็นการตกลงเพียงวันสองวัน มีการประชุม หาข้อตกลงกันมา ระยะหนึ่งแล้ว บางครั้งก็ล้มเหลว บางครั้งก็สำเร็จ แต่ในที่สุดผมเชื่อว่า ด้วยการยึดมั่นในหลักแห่ง ความถูกต้องของประเทศไทย เราจึงสามารถ ทำให้คู่กรณียอมรับในสิ่งที่เป็นเงื่อนไขที่เราได้เสนอไปทุกข้อ”
#ไทยสหรัฐ
#แผนเดินหน้าสู่สันติภาพ
#เขมรรุกรานไทย
.
ข่าวทั้งหมด