สหรัฐฯคาดการชัตดาวน์จะสร้างความเสียหายทางเศรษฐกิจ 15,000 ล้านดอลล์ต่อสัปดาห์

          นายสกอตต์ เบสเซนต์ รัฐมนตรีคลังสหรัฐฯ แถลงข่าวนอกรอบการประชุมร่วมประจำปีของกองทุนการเงินระหว่างประเทศ(IMF)และธนาคารโลกที่สำนักงานใหญ่ของ IMF ในกรุงวอชิงตันดี.ซี.ว่า การชัตดาวน์หน่วยงานรัฐบาลกลางของสหรัฐฯตลอดช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา เริ่มจากวันที่ 1 ต.ค. สร้างความเสียหายทางเศรษฐกิจสหรัฐฯ ทำให้ประเทศสูญเสียผลผลิตทางเศรษฐกิจสูงถึง 15,000 ล้านดอลลาร์(4.86 แสนล้านบาท)ต่อสัปดาห์ จากการประมาณการณ์ของคณะที่ปรึกษาเศรษฐกิจของทำเนียบขาวของสหรัฐฯ พร้อมเรียกร้องให้พรรคเดโมแครต พรรคฝ่ายค้านหันมาสนับสนุนพรรครีพับลิกัน เพื่อยุติวิกฤตชัดดาวน์โดยเร็ว

          นายเบสเซนต์ ตั้งข้อสังเกตว่า ที่ผ่านมา นักลงทุนส่วนใหญ่ของสหรัฐฯเริ่มลงทุนมากขึ้นในด้านเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์(AI) และโครงการลงทุนส่วนใหญ่อยู่ในช่วงเริ่มต้น แต่ทันใดนั้น มีปัญหาการชัตดาวน์หน่วยงานรัฐบาลกลางของสหรัฐฯ เริ่มส่งผลกระทบศักยภาพทางเศรษฐกิจของประเทศ โดยเฉพาะการลงทุนของภาคเอกชนในสหรัฐฯ ยอมรับว่าเรื่องการชัตดาวน์เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ทำลายบรรยากาศการลงทุนของเอกชนในปัจจุบัน แต่นายเบสเซนต์ เชื่อว่า แรงจูงใจทางภาษีตามกฏหมายภาษีของพรรครีพับลิกันและมาตรการภาษีศุลการของรัฐบาลทรัมป์จะช่วยขับเคลื่อนการลงทุนและการเติบโตทางเศรษฐกิจของสหรัฐฯให้เติบโตอย่างต่อเนื่อง

          รัฐมนตรีคลังสหรัฐฯกล่าวอีกว่า การขาดดุลงบประมาณของสหรัฐในปีงบประมาณ 2025 ซึ่งสิ้นสุดเมื่อวันที่ 30ก.ย.2568 ยังต่ำกว่าการขาดดุลงบประมาณในปี 2024 ที่มีมูลค่า 1.833 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ พร้อมทั้งคาดว่าอัตราส่วนของการขาดดุลงบประมาณต่อผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ(จีดีพี)ของสหรัฐฯอาจลดลงมาอยู่ที่ร้อยละ 3 ในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า

#ผลกระทบชัตดาวน์

#เศรษฐกิจสหรัฐ

ที่มา: รอยเตอร์