นายสุริยัณห์ หงษ์วิไล โฆษกศาลยุติธรรม เปิดเผยว่า ปัจจุบัน มีการใช้เทคโนโลยี เข้ามาสนับสนุนกระบวนการยุติธรรมในชั้นศาลหลายชนิด โดยเฉพาะปัญญาประดิษฐ์เชิงสร้างสรรค์ หรือ Generative AI ที่ถูกนำมาใช้สนับสนุนการเขียนคำคู่ความ คำร้อง คำขอ คำแถลง เพื่อยื่นต่อศาล
ประธานศาลฎีกาจึงออกคำแนะนำของประธานศาลฎีกาเกี่ยวกับการใช้เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ในการปฏิบัติงานคดี พ.ศ. 2568 เพื่อเน้นย้ำผู้เกี่ยวข้องกับการพิจารณาพิพากษาคดีในชั้นศาลทุกฝ่ายว่า การใช้งานเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ ต้องอยู่ภายใต้กรอบความเป็นธรรม และความบริสุทธิ์ยุติธรรมของกระบวนการศาลด้วย โดยหลักการสำคัญที่คู่ความที่เรียบเรียง และยื่นคำคู่ความ คำร้อง คำขอ คำแถลง ต่อศาลต้องยึดเป็นหลักสำคัญคือ ต้องเปิดเผยถึงการใช้ข้อมูลที่สร้างจากปัญญาประดิษฐ์ดังกล่าว อีกทั้ง คู่ความจะต้องตรวจสอบผลลัพธ์ที่ได้จากการประมวลผล และสร้างเนื้อหาของปัญญาประดิษฐ์เสมอ ไม่ว่าจะเป็นเนื้อหาคำคู่ความ คำร้อง คำขอ คำแถลง หรือข้อกฎหมาย หรือแนวคำพิพากษาศาลฎีกา ที่ปัญญาประดิษฐ์ค้นหาอ้างอิงมาให้ เพราะคู่ความเป็นผู้ที่ต้องจะรับผิดชอบต่อการใช้สิ่งที่ปัญญาประดิษฐ์เหล่านั้นสร้างขึ้น
นอกจากนี้ ยังมีข้อควรคำนึงถึงอื่นๆ เช่น การนำพยานหลักฐานในสำนวนคดีที่มีข้อมูลอ่อนไหว หรือข้อมูลส่วนบุคคล ใส่ลงไปในคำสั่ง (Prompt) เพื่อให้ปัญญาประดิษฐ์ประมวลผล อาจต้องระมัดระวังและพิจารณาให้ละเอียดรอบคอบ ว่าจะเป็นการเปิดเผยข้อมูลดังกล่าวต่อบุคคลที่สามหรือไม่ จึงขอเน้นย้ำว่า แม้การใช้เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ โดยเฉพาะ Generative AI จะทำให้ลดเวลา ลดภาระ ในการทำงานคดีจริง แต่มีข้อจำกัดและข้อที่ต้องระมัดระวังอย่างมากในการใช้งาน โดยเฉพาะ ในการปฏิบัติงานคดีในชั้นศาล ยิ่งมีข้อควรระมัดระวังเกี่ยวกับกรอบการใช้งานที่ต้องเคารพหลักกระบวนการที่ถูกต้องตามกฎหมาย ซึ่งเป็นสิทธิขั้นพื้นฐานของประชาชนในกระบวนพิจารณา
..
ภาพ freepik
#ศาลยุติธรรม