*รอบวัน(2);นายกฯประชุมคณะกก.นโยบายรัฐวิสาหกิจ/ศาลปกครองสูงสุดนัดฟังคำพิพากษาคดีบ.ไร่ส้มฟ้องอสมท.*

+++ความคืบหน้ากรณี นายอนุสิษฐ คุณากร เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) เดินทางไปตรวจเยี่ยมชาวอุยกูร์จำนวน 109 คน ที่ประเทศจีนระหว่างวันที่ 15-17 กรกฎาคม  พล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด รองโฆษกประจำสำนักนายรัฐมนตรี กล่าวว่า ประเทศจีนขอบคุณประเทศไทย ที่ไทยปฏิบัติตามข้อกฎหมาย และพร้อมที่จะเปิดเผยข้อมูลการดูแลชาวอุยกูร์ที่ถูกส่งตัวไปว่า ทางการจีนปฏิบัติกับคนเหล่านั้นอย่างไร ส่วนใครที่มีหมายจับต้องดำเนินการตามกฎหมาย เมื่อจีนเปิดเผยข้อมูลนี้ก็จะทำให้สังคมเกิดความสบายใจ ไทยเป็นห่วงว่าปัญหาชาวอุยกูร์เป็นปัจจัยสำคัญที่จะทำให้เกิดความขัดแย้งระหว่างประเทศ แต่ไทยเป็นเพียงประเทศกลางทาง จึงจำเป็นต้องส่งไปยังประเทศต้นทาง หากไม่ส่งไปยังประเทศต้นทาง ก็จะทำให้ไทยเป็นประเทศที่ก่อเหตุร้ายและมีผู้ที่กระทำผิดหลบหนีอยู่

+++นพ.นิรันดร์ พิทักษ์วัชระ คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) เชิญผู้แทน 4 หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ สภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.)กระทรวงการต่างประเทศ คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) และ ตม. รวมถึงองค์กรสิทธิมนุษยชนต่างประเทศ เช่น สำนักงานข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติ( ยูเอ็นเอชซีอาร์ ) มาให้ข้อมูลกรณีดังกล่าวเพื่อร่วมกันแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น

+++พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ(คนร.) มี 2เรื่องสำคัญ สำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.) ในฐานะเลขาฯของคณะกรรมการเสนอการดูแลกำกับการตั้งบริษัทลูกของรัฐวิสาหกิจ เนื่องจากที่ผ่านมามีรัฐวิสาหกิจหลายแห่งไปตั้งบริษัทลูกจำนวนมาก ทำให้รัฐบาลไม่สามารถเข้าไปกำกับดูแลการดำเนินงานและการใช้จ่ายการลงทุนได้ ทั้งนี้ สคร. ได้เสนอแนวทางให้ คนร.พิจารณาว่า ต่อไปรัฐวิสาหกิจจะตั้งบริษัทลูกจะต้องได้รับความเห็นชอบจากฝ่ายนโยบายที่กำกับดูแลรัฐวิสาหกิจเสียก่อน รวมทั้งการตั้งบริษัทลูกจะต้องทำให้เกิดความชัดเจนว่า บริษัทลูกที่ตั้งขึ้นมีสภาพเป็นเอกชนหรือรัฐวิสาหกิจ รวมถึงการตั้งบริษัทลูกจะต้องเป็นการสนับสนุนการดำเนินธุรกิจหลักของรัฐวิสาหกิจ ก่อนหน้านี้ ภาครัฐ ไม่สามารถเข้าไปตรวจสอบการดำเนินการบริษัทลูกของรัฐวิสาหกิจได้ เพราะในทางกฎหมายส่วนใหญ่ถือเป็นเอกชน ซึ่งเป็นจุดอ่อนทำให้เกิดการรั่วไหล

+++เรื่องที่ 2 จะเป็นเรื่องกฎหมายการกำกับดูแลรัฐวิสาหกิจให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นการทำกฎหมายการจัดตั้งบรรษัทรัฐวิสาหกิจแห่งชาติ (บริษัท โฮลดิ้ง) ขึ้นมาดูแลรัฐวิสาหกิจที่อยู่ในตลาดหลักทรัพย์ และบริษัทที่ได้แปลงสภาพเป็นบริษัทจำกัดแล้ว บริษัทโฮลดิ้ง คาดว่าจะตั้งได้ปีหน้า จะมีประธานกรรมการ และกรรมการอีก 7 คน ซึ่งจะมาจากการสรรหาทั้งหมด และมีกรรมการผู้จัดการของบริษัทโฮลดิ้ง เป็นเลขานุการ ซึ่งผลตอบแทนของกรรมการผู้จัดการจะอยู่ระดับเดียวกับผู้บริหารของ ธปท. หรือคณะกรรมการหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.)

+++ความเคลื่อนไหวราคาน้ำมัน น้ำมันดิบเวสต์เทกซัสอินเตอร์มีเดียต หรือไลต์สวีตครูด งวดส่งมอบเดือนสิงหาคม ลดลง 50 เซนต์ ปิดที่ 50.91 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนเบรนต์ทะเลเหนือลอนดอน งวดส่งมอบเดือนเดียวกัน เพิ่มขึ้น 46 เซนต์ ปิดที่ 57.51 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนเงินดอลลาร์สหรัฐฯ แข็งค่าขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 7 สัปดาห์เมื่อเทียบกับยูโร และ 3 สัปดาห์หากเทียบกับสกุลเงินเยน ซึ่งปัจจัยนี้ก็เหนี่ยวรั้งให้ทองคำปิดลบเช่นกันทองคำตลาดโคเม็กซ์ ลดลง 3.50 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,143.90 ดอลลาร์ต่อออนซ์

+++ด้านตลาดหุ้นสหรัฐฯ ขยับขึ้น ดาวโจนส์ เพิ่มขึ้น 70.08 จุด  ปิดที่ 18,120.25 จุด เอสแอนด์พี เพิ่มขึ้น 16.89 จุด  ปิดที่ 2,124.29 จุด แนสแดค เพิ่มขึ้น 64.24 จุด  ปิดที่ 5,163.18 จุด ทุบสถิติสูงสุดตลอดกาลเดิม 5,160.095 จุดเมื่อวันที่ 23 มิถุนายน เล็กน้อย

       

+++องค์คณะผู้พิพากษา 9 คน ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง มีคำสั่งให้ประทับรับฟ้องคดีที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี อายุ 58 ปี อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง สมัยพรรคพลังประชาชนเป็นรัฐบาล เป็นจำเลยในความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่ หรือละเว้นปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบหรือโดยทุจริต เป็นเหตุให้ผู้หนึ่งผู้ใดได้รับความเสียหาย กรณีเมื่อปี 2551 ขณะที่ นพ.สุรพงษ์ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง สมัยรัฐบาลของนายสมัคร สุนทรเวช ได้แต่งตั้งประธานและกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) โดยมิชอบ หลังมีการร้องเรียนต่อผู้ตรวจการแผ่นดินที่ได้วินิจฉัยว่า การคัดเลือกบุคคลที่สมควรได้รับการแต่งตั้งเป็นประธานและกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิของ ธปท.เป็นการกระทำที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย เนื่องจากกรรมการบางคนมีลักษณะต้องห้ามตาม พ.ร.บ.ธนาคารแห่งประเทศไทย พ.ศ.2485 นัดพิจารณาครั้งแรกเพื่อสอบคำให้การจำเลย ในวันที่ 8 ตุลาคม

+++คดีอาชญากรรม พล.ต.ต.ชาญเทพ เสสะเวช รอง ผบช.น.ประชุมคลี่คลายคดีนายชูวงษ์ แซ่ตั๊ง นักธุรกิจรับเหมาก่อสร้างเสียชีวิตจากอุบัติเหตุที่ สน.อุดมสุข หลังครอบครัวยื่นหนังสือขอให้นายกรัฐมนตรีสืบสวนสอบสวนข้อเท็จจริง คดีต้องตรวจสอบความเร็วของรถก่อนชนต้นไม้ว่าเป็นเหตุทำให้ผู้ตายเสียชีวิตได้หรือไม่ รวมทั้งเดินทางไปตรวจสอบที่เกิดเหตุด้วย ทั้งนี้ ต้องรอผลชันสูตรศพจากสถาบันนิติเวชวิทยา รพ.ตำรวจ และผลตรวจกองพิสูจน์หลักฐานกลาง เพื่อนำมาประกอบคดีถึงจะทราบว่าเป็นเหตุฆาตกรรมอำพรางหรือไม่   ขณะที่กองปราบปรามตรวจสอบการโอนหุ้นที่นายชูวงษ์โอนให้ผู้หญิง 2 คน มูลค่าประมาณ 300 ล้านบาท พ.ต.อ.อัคราเดช พิมลศรี รรท.ผบก.ป.กล่าวว่า เบื้องต้นสั่งการให้พนักงานสอบสวนสอบปากคำผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมด รวมทั้งตรวจสอบทุกประเด็นที่ครอบครัวของนายชูวงษ์ตั้งข้อสงสัย ทั้งในส่วนประเด็นการทำธุรกรรมการโอนหุ้นและเอกสารต่างๆ ทั้งนี้ มอบหมายให้ พ.ต.อ.ประเสริฐ พัฒนาดี รอง ผบก.ป. เป็นผู้รับผิดชอบในภาพรวม เพื่อให้การดำเนินการเป็นไปอย่างถูกต้อง และให้ความเป็นธรรมแก่ทุกฝ่าย ทั้งนี้ได้ออกหมายเรียกผู้หญิงที่นายชูวงษ์โอนหุ้นให้มาพบเพื่อสอบปากคำวันที่ 18 ก.ค. พ.ต.ท.บรรยิน ตั้งภากรณ์ อดีต รมช.พาณิชย์ เข้าพบ พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผบ.ตร. ที่สำนักงาน ผบ.ตร. เพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจกรณีถูกกล่าวหาว่าเกี่ยวข้องกับการเสียชีวิตของนายชูวงษ์

+++บรรยากาศของการออกสลากกินแบ่งรัฐบาล ประจำวันที่ 16 ก.ค.2558 ระหว่างการออกรางวัลเลข 3 ตัว มีความผิดพลาดในการถ่อยทอดผลการออกรางวัล ของสถานีโทรทัศน์สปริงนิวส์ ช่อง 19 ซึ่งเลขที่ปรากฏบนจอ ไม่ตรงกับผลการอ่านรางวัลของเจ้าหน้าที่ สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล จนทำให้เกิดการร้องเรียนจากประชาชนที่ชมการออกรางวัล พล.ต.ฉลองรัฐ นาคอาทิตย์ ผู้อำนวยการสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล ชี้แจงกรณีเกิดความผิดพลาดในการจับภาพการออกรางวัลเลขท้าย 3 ตัว เนื่องจากกล้องตัวที่ 2  และ 3 จับภาพพร้อมกันที่เลข 4 ทำให้ประชาชนที่ติดตามการถ่ายทอดสดเข้าใจผิดว่าเลขท้าย 3 ตัว เป็นเลข 244 จากความเป็นจริงคือ 294 สถานีโทรทัศน์สปริงนิวส์ ช่อง 19 ออกแถลงการณ์ขออภัยเนื่องจากความผิดพลาดทางเทคนิค  นอกจากนี้ สำนักงานสลากฯ ได้เพิ่มความเข้มงวดในการตรวจสลากฯ ขายเกินราคาเป็นขั้นรุนแรง โดยได้ประสานกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจลงพื้นที่รายวัน เพื่อตรวจสอบผู้ค้าสลากฯ หากพบว่าผู้ค้าขายสลากฯ เกินกว่าราคาควบคุมไว้ที่ 80 บาท จะมีการดำเนินการตามกฎหมายทันที โดยมีโทษปรับไม่เกิน 10,000 บาท

+++วันนี้ ติดตามศาลปกครองสูงสุดนัดฟังคำพิพากษาคดีบริษัท ไร่ส้ม ฟ้องอสมท ให้ชำระเงินค่าโฆษณาเกินเวลาหลังต่อสู้กันยาวนาน 8 ปี ศาลปกครองกลางเคยพิพากษาให้ อสมท.แพ้คดี ช่วงบ่ายนี้ ศาลปกครองกลาง จะออกนั่งบัลลังก์อ่านคำพิพากษาศาลปกครองสูงสุด ในคดีนี้ กรณีบริษัท ไร่ส้ม จำกัด ของนายสรยุทธ สุทัศนะจินดา เจ้าของบริษัทฯ ยื่นฟ้อง บริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) เพื่อขอให้ศาลสั่งให้บริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) ชำระเงินค่าโฆษณาเกินเวลาตามที่ระบุไว้ในสัญญาร่วมผลิตรายการโทรทัศน์ในชื่อรายการ คุยคุ้ยข่าว ซึ่งออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์ไทยทีวีสี ช่อง 9 หรือสถานีโทรทัศน์โมเดิร์นไนน์ ในช่วงปี 2548-2549 พร้อมส่วนลดคืน เป็นเงิน 253,026,691.12 บาท พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปีของ เงินต้นจำนวน 215,199,633.76 บาท

CR:แฟ้มภาพ