ลุ่มน้ำป่าสัก ระดับน้ำลดลง กรมชล เพื่อลดการระบายเขื่อนป่าสักฯ-เขื่อนพระราม 6

          สถานการณ์ลุ่มน้ำป่าสักเริ่มคลี่คลาย เขื่อนป่าสักฯลดระบายเหลือ 200 ลบ.ม./วินาที ลดผลกระทบพื้นที่ท้ายน้ำ กรมชลประทาน เตรียมปรับลดการระบายน้ำเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ หลังปริมาณน้ำทางตอนบนของลุ่มน้ำป่าสัก มีแนวโน้มลดลงต่อเนื่อง โดยจะทยอยปรับลดการระบายน้ำให้สอดคล้องกับปริมาณน้ำทางตอนบน ในอัตราวันละ 50 ลบ.ม./วินาที จากอัตรา 350 ลบ.ม./วินาที  เหลือในอัตรา 200 ลบ.ม./วินาที ส่งผลให้ปริมาณน้ำท้ายเขื่อนลดลง 1.40 - 1.60 เมตร

          ขณะที่เขื่อนพระราม 6 เตรียมทยอยปรับลดการระบายน้ำจาก 506 ลบ.ม./วินที  เหลือในอัตรา 250 ลบ.ม./วินาที เพื่อให้สอดคล้องกับการปรับลดการระบายน้ำของเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์

          โดยจะเริ่มทยอยปรับลดการระบายน้ำทั้ง 2 เขื่อน ตั้งแต่วันที่ 8 ตุลาคม 2568 เป็นต้นไป เพื่อช่วยลดภาระพื้นที่ด้านท้ายน้ำแม่น้ำเจ้าพระยา ช่วยบรรเทาความเดือดร้อนให้ประชาชนโดยเร็วที่สุด ตามข้อสั่งการของคณะกรรมการอำนวยการและบริหารสถานการณ์ภัยพิบัติทางธรรมชาติ

          กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) รายงานว่า จากการติดตามผลกระทบและความคืบหน้าในการให้ความช่วยเหลือประชาชนผู้ประสบภัยอย่างต่อเนื่อง ปัจจุบัน ยังคงมีสถานการณ์อุทกภัยในพื้นที่ 19 จังหวัด ได้แก่ อุตรดิตถ์ พิษณุโลก เพชรบูรณ์ สุโขทัย พิจิตร นครสวรรค์ อุทัยธานี ชัยนาท สิงห์บุรี อ่างทอง สุพรรณบุรี พระนครศรีอยุธยา ปทุมธานี นครปฐม ชัยภูมิ อุบลราชธานี อุดรธานี ยโสธร และฉะเชิงเทรา กินพื้นที่ 84 อำเภอ 541 ตำบล 3,036 หมู่บ้าน มีบ้านเรือนประชาชนได้รับผลกระทบ 109,426 ครัวเรือน 369,724 คน และมีผู้เสียชีวิต 22 ราย (พิษณุโลก 1 ราย อุตรดิตถ์ 8 ราย เพชรบูรณ์ 1 ราย พิจิตร 1 ราย พระนครศรีอยุธยา 8 ราย และยโสธร 3 ราย)