ราคาทองคำพุ่งแตะ 4,000 ดอลลาร์เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ในวันอังคาร(7ต.ค.) นักลงทุนแห่ถือครองสินทรัพย์เสี่ยงต่ำ จากการอ่อนค่าของดอลลาร์ ความผันผวนทางภูมิรัฐศาสตร์ ความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจและเงินเฟ้อ โดยราคาทองคำโคเม็กซ์ งวดส่งมอบเดือนธันวาคม เพิ่มขึ้น 28.10 ดอลลาร์ หรือ 0.70 % ปิดที่ 4,004.40 ดอลลาร์ต่อออนซ์
ส่วนราคาน้ำมันทรงตัวในวันอังคาร(7ต.ค.) ชั่งน้ำหนักระหว่างโอเปกพลัสกำลังผลิตน้อยเกินคาดกับสัญญาณความเป็นไปได้อุปทานล้นตลาด
สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เทกซัส อินเตอร์มีเดียต หรือไลต์สวีตครูด งวดส่งมอบเดือนพฤศจิกายน เพิ่มขึ้น 4 เซนต์ ปิดที่ 61.73 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ด้านเบรนท์ทะเลเหนือลอนดอน งวดส่งมอบเดือนธันวาคม ลดลง 2 เซนต์ ปิดที่ 65.45 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
น้ำมันดิบทั้ง 2 สัญญา เพิ่มขึ้นกว่า 1% หนึ่งวันก่อนหน้านี้ หลังโอเปกพลัส ตัดสินใจเพิ่มกำลังผลิตร่วมกันอีก 137,000 บาร์เรลต่อวัน เริ่มตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน อย่างไรก็ตาม ความเคลื่อนไหวดังกล่าวถือว่าน้อยกว่าที่พวกนักวิเคราะห์คาดหมายไว้
ด้านหนึ่ง คาดหมายว่ากำลังผลิตน้ำมันของสหรัฐฯจะแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ 13.53 ล้านบาร์เรลต่อวันในปีนี้ ปรับเพิ่มจากที่ประมาณการก่อนหน้านี้ 13.44 บาร์เรลต่อวัน ตามรายงานของสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานแห่งสหรัฐฯ(อีไอเอ) ในวันอังคาร(7ต.ค.)
ตลาดหุ้นสหรัฐฯปิดลบในวันอังคาร(7ต.ค.) การขาดแคลนข้อมูลทางเศรษฐกิจจากการชัตดาวน์หน่วยงานรัฐบาล ทำให้นักลงทุนต้องหันพึ่งตัวบ่งชี้รอง และความเห็นของบรรดาเจ้าหน้าที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ(เฟด) เพื่อหาเงื่อนงำในเรื่องเกี่ยวกับความอ่อนแอทางเศรษฐกิจและนโยบายการเงิน
ดาวโจนส์ ลดลง 91.99 จุด (0.20 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 46,602.98 เอสแอนด์พี ลดลง 25.69 จุด (0.38 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 6,714.59 จุด แนสแดค ลดลง 153.30 จุด (0.67 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 22,788.36 จุด
#ทองคำโลก
#ชัตดาวน์สหรัฐ