คลังเดินหน้าเต็มสูบ กระตุ้นเศรษฐกิจไทยให้พ้นจากหล่ม ไม่ตกเหว

02 ตุลาคม 2568, 07:21น.


          การประชุมมอบนโยบายแก่ผู้บริหาร กระทรวงการคลัง นายเอกนิติ นิติตัณฑประภาศ รองนายกฯและรมว.คลัง ยืนยันว่า รัฐบาลจะเร่งเดินหน้า เพื่อผลักดันให้รถยนต์เศรษฐกิจไทยพ้นจากหล่ม ไม่ตกเหว ซึ่งทุกฝ่ายเห็นความจำเป็นเร่งด่วนในเรื่องนี้ และจะร่วมมือ ร่วมแรง ร่วมใจ กันดำเนินการอย่างเต็มที่ ภายใต้การรักษาเสถียรภาพทางการคลังอย่างเข้มข้น


          เบื้องต้นประเมินว่า เศรษฐกิจไทยไตรมาส 4/2568 จะขยายตัวได้เพียง 0.3% แต่จากการเร่งผลักดันโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจ ผ่านการบริโภค โดยเฉพาะคนละครึ่งพลัส และการเพิ่มวงเงินในบัตรสวัสดิการ จะช่วยทำให้เศรษฐกิจขยายตัวเป็นบวกเพิ่มอีก 0.2-0.4% ขณะเดียวกันยังมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจอื่น ๆ ทั้งการกระตุ้นการท่องเที่ยวเมืองรอง การเร่งรัดการเบิกจ่ายของภาครัฐ รัฐวิสาหกิจ และท้องถิ่น เชื่อว่าจะช่วยทำให้เศรษฐกิจโตใกล้เคียงอีก 0.7% ดังนั้นจึงมั่นใจว่า เมื่อรวมผลของมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจทั้งหมดแล้ว เศรษฐกิจไทยในไตรมาส 4/68 จะโตเกิน 1% แน่นอน


          สำหรับโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจที่เตรียมผลักดันออกมาในระยะนี้ คือ โครงการคนละครึ่ง พลัส วงเงินดำเนินการรวม 6.6 หมื่นล้านบาท แบ่งเป็น การดำเนินการผ่านการเพิ่มวงเงินในบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ จำนวน 13.4 ล้านราย วงเงิน 22,000 ล้านบาท และในสัปดาห์หน้า เตรียมเสนอที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบโครงการ "คนละครึ่งพลัส" สำหรับประชาชนทั่วไป 20 ล้านคน         


          นายลวรณ แสงสนิท ปลัดกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า ร้านค้าที่จะเข้าร่วมโครงการคนละครึ่งพลัส โดยหลักจะเน้นไปที่กลุ่มไมโครเอสเอ็มอีที่อยู่ในระบบภาษี โดยจากข้อมูลของกรมสรรพากร พบว่า ร้านค้าที่มีรายได้ไม่เกิน 1.8 ล้านบาท จำนวน 3 พันร้านค้า และที่มีรายได้ตั้งแต่ 1.8 ล้านบาท ถึง 30 ล้านบาท จำนวน 2 พันร้านค้า รวมทั้งสิ้น 5 พันกว่าร้านค้า ซึ่งส่วนใหญ่เป็นร้านค้าที่ขายสินค้าและบริการ อาหาร-เครื่องดื่ม และสินค้าทั่วไป


          โดยจะใช้เม็ดเงินจากงบกระตุ้นเศรษฐกิจ 25,000 ล้านบาท และงบกลางอีก 19,000 ล้านบาท คาดว่าเปิดให้ประชาชนลงทะเบียนได้ วันที่ 20-26 ต.ค.68 ขณะที่ร้านค้าลงทะเบียนได้ตั้งแต่วันที่ 15 ต.ค.68 โดยสามารถลงทะเบียนได้จนกว่าจะจบโครงการ และเริ่มใช้จ่ายได้ตั้งแต่ 29 ต.ค. จนถึงสิ้นเดือน ธ.ค.68


          จากนั้น ในการประชุม ครม.วันที่ 14 ต.ค.68 กระทรวงการคลัง จะเสนอให้ ครม.พิจารณาเห็นชอบโครงการกระตุ้นการท่องเที่ยว โดยเฉพาะเมืองรอง โดยจะให้นำค่าใช้จ่ายในการเที่ยวเมืองรอง ไปหักลดหย่อนภาษีได้ 2 เท่า ส่วนรายละเอียดต่าง ๆ ยังอยู่ระหว่างการพิจารณา ขณะเดียวกัน ในช่วง 4 เดือนของการบริหารรัฐบาลชุดนี้ จะเร่งกระตุ้นให้หน่วยงานภาครัฐ และรัฐวิสาหกิจ เร่งการจัดประชุมสัมมนา เพื่อช่วยกระตุ้นการท่องเที่ยวเมืองรอง โดยพบว่าส่วนราชการมีงบประมาณในส่วนนี้ราว 3-4 พันล้านบาท และรัฐวิสาหกิจอีก 3-4 พันล้านบาท ซึ่งเชื่อว่าหากสามารถผลักดันในส่วนนี้ได้ ก็จะมีส่วนช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจในช่วงที่เหลือของปีนี้ได้


          ขณะเดียวกัน จะเร่งสนับสนุนการออมภาคประชาชน เพื่อให้มีเงินใช้ยามเกษียณ ผ่านการซื้อสลากแบบ 6 หลัก (L6) ผ่านระบบออนไลน์ สำหรับผู้ที่ไม่ถูกรางวัล โดยจะมีการคืนเงิน ส่วนรายละเอียดของโครงการ ยังอยู่ระหว่างการหารือของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง แต่คาดว่าจะดำเนินการแล้วเสร็จได้ภายใน 4 เดือนนี้อย่างแน่นอน


          สำหรับสถานการณ์ค่าเงินบาทนั้น นายเอกนิติ ระบุว่า เริ่มเห็นการอ่อนค่าลงบ้างแล้ว โดยก่อนหน้านี้ ได้หารือกับผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) โดยได้เน้นย้ำว่าจะต้องวิเคราะห์ให้ถูกต้องว่าการแข็งค่าของเงินบาทมีสาเหตุมาจากอะไร เพื่อหามาตรการแก้ไขแบบเกาให้ถูกที่คัน


          ส่วนที่มีการถามว่าทองคำมีผลต่อการแข็งค่าของเงินบาทหรือไม่นั้น รองนายกฯ และรมว.คลัง ระบุว่า อาจจะมีผลบ้าง แต่ไม่ใช่ทั้งหมดยังมีธุรกรรมอื่นอีกด้วย เช่น ข้อมูลบัญชีดุลการชำระเงินที่มีความคลาดเคลื่อนทางสถิติ รวมถึงอาจจะมีเรื่องเงินนอกตลาด เงินเทา ที่อาจเข้ามาเกี่ยวข้อง ซึ่งเป็นหน้าที่ของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะต้องเร่งดำเนินการ


          นายวรภัค ธันยาวงษ์ รมช.คลัง กล่าวว่า สถานการณ์ Government Shutdown ของสหรัฐฯ เชื่อว่าในระยะสั้นจะยังไม่มีผลกระทบกับประเทศไทย เพราะสถานการณ์เพิ่งเกิดขึ้น และเรื่องนี้ตลาดรับรู้อยู่แล้วว่าจะเกิดเหตุการณ์นี้ ดังนั้นผลกระทบระยะสั้น จึงน่าจะอยู่ที่สหรัฐฯ เป็นหลักมากกว่า โดยเฉพาะจากการเทขายหุ้น
ข่าวทั้งหมด

X