*นายกฯรับมีรัฐมนตรีเบื่อ อยากลาออก ขอเอกชนเป็นหลักขับเคลื่อนเศรษฐกิจ

ข้อเสนอให้ปรับคณะรัฐมนตรี พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ กล่าวว่าเป็นเรื่องที่สื่อนั่งเขียนข่าวกันเอาเอง  ก่อนเดินออกไปอย่างรวดเร็ว อย่างไรก็ดีนายกรัฐมนตรีได้กล่าวช่วงหนึ่งในการปาฐกถาในงาน Thailand competitiveness Conference 2015ว่าคงยังไม่มีการปรับคณะรัฐมนตรีในช่วงนี้

ภาวะเศรษฐกิจ ที่ชะลอตัว  นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ขณะนี้รัฐบาลเร่งสร้างความมีเสถียรภาพในเศรษฐกิจมหภาคแม้จะยอมรับว่าช่วงนี้เศรษฐกิจประเทศชะลอตัวเพราะปัญหาจากภาวะเศรษฐกิจทั่วโลกที่ชะลอตัวลงต่อเนื่อง ซึ่งรัฐบาลก็คงทำสิ่งใดไม่ได้มาก เพราะเป็นไปตามห่วงโซ่ พร้อมย้ำว่าเอกชนจะต้องเป็นผู้ขับเคลื่อนหลักในการพัฒนาประเทศ รวมทั้ง ต้องพัฒนาทักษะทางภาษาและเทคโนโลยีให้ทันสมัยเพื่อสามารถแข่งขันกับต่างประเทศได้และขอให้อย่าออกมาต่อต้านรัฐบาลขณะนี้ เพราะไม่มีประโยชน์ใดๆ นายก

พร้อมฝากไปถึงผู้โจมตีรัฐบาลว้าละเมิดสิทธิมนุษยชนด้วยว่า รัฐบาลไม่ได้ละเมิดสิทธิมนุษยชนขณะนี้ยังต้องดูแลผู้อพยพและลี้ภัยสงครามกว่า 140,000คนซึ่งไม่มีประเทศใดรับและรัฐบาลคงต้องเลี้ยงดูไปเรื่อยๆ พร้อมย้ำว่าตัวเองเป็นทหารประชาธิปไตย แต่ในอดีตมีการต่อสู้ของพรรคการเมืองจนเกิดความแตกแยกทำให้ตัวเองจำเป็นต้องเข้ามาจัดการปัญหาและย้ำว่าให้อิสระกับประชาชนมาตลอด

สิ่งที่รัฐบาลทำทุกอย่างก็เพื่อประเทศ ปัจจุบันได้พัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษใน 6 จังหวัดและจะขยายต่อไปในเขตเศรษฐกิจตอนใน นอกจากนี้ยังสร้างระบบSocial business หรือธุรกิจชุมชน เพื่อหวังให้ชุมชนและประชาชนต่างจังหวัดเข้มแข็งขึ้น สามารถรวมกลุ่มพัฒนาสินค้าได้ รวมทั้งพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานการขนส่งในหลายเส้นทางทั้งการพัฒนาทางรถไฟและถนนเพื่อรอวรับการขนส่งและเศรษฐกิจให้คล่องตัวขึ้นอย่างไรก็ดีขอให้ประชาชนต้องไว้ใจรัฐบาล การจะพัฒนาขีดความสามารถได้ต้องพัฒนาที่บุคคล ซึ่งเยาวชนไทยมีค่านิยมเน้นแต่เรียนจบปริญญา แต่เมื่อจบมาแล้วกว่าร้อยละ.60 กลับไม่มีงานทำเพราะแรงงานปริญญาล้นตลาด ส่วนแรงงานสายอาชีพกลับขาดแคลนแรงงานอยู่ 6หมื่นคน ซึ่งต้องเน้นพัฒนาบุคคลสายอาชีพให้เข้าสู่ตลาดแรงงานให้มากขึ้น เพราะบุคคลเหล่านี้เป็นกลไกสำคัญในตลาดแรงงาน

นายกรัฐมนตรี ได้กล่าวปาฐกถาเปิดงานสัมมนา Thailand competitiveness conference 2015 หรือการพัฒนาขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศอย่างยั่งยืนของ   จัดขึ้นระหว่างวันที่ 15-17 กรกฎาคมโดยมีวัตถุประสงค์สร้างความเข้าใจเกี่ยวกับผลการจัดอันดับความสามารถในการแข่งขันของประเทศ รวมถึงมีการอภิปรายเชิงลึกตามยุทธศาสตร์หลักในการพัฒนาความสามารถในการแข่งขันแต่ละด้าน