นางศุภจี สุธรรมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ลุกขึ้นชี้แจง นายสิทธิพล วิบูลย์ธนากุล ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน (ปชน.) ว่า ขอขอบคุณที่ได้ให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์แก่รัฐบาล ซึ่งจะนำไปปฏิบัติต่อในเรื่องนโยบายการค้าของสหรัฐอเมริกา ซึ่งไทยพึ่งพาการส่งออกถึง 60 เปอร์เซ็นต์ของจีดีพี ขณะที่สหรัฐอเมริกามีมูลค่าการส่งออก 18 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งเป็นสัดส่วน 10 เปอร์เซ็นต์ของจีดีพี ซึ่งเป็นส่วนสำคัญที่จะต้องเจรจาให้ประสบความสำเร็จ ซึ่งต้องขอบคุณรัฐบาลที่ผ่านมาที่มีการเจรจาตกลงสำเร็จ แต่ใน 4 เดือนข้างหน้า รัฐบาลมีความตั้งใจที่จะเจรจา ART ให้เสร็จสิ้นภายในปี 2568 ซึ่งการที่นายสิทธิพล บอกว่ายังไม่เห็นในรายละเอียดก็เป็นไปตามนั้น เนื่องจากยังไม่มีการตกลงในรายละเอียดทางเทคนิค
สำหรับแนวทางการป้องกันการสวมสิทธิถิ่นกำเนิดสินค้าไทยว่า ได้มีการแก้ไขในเรื่องนี้แล้ว โดยมีการออกหนังสือรับรองถิ่นกำเนิดสินค้า (C/O) ซึ่งได้รวบยอดจากหลายกระทรวงมาอยู่ที่กระทรวงพาณิชย์ที่เดียว นอกจากนี้ยังได้ปรับปรุงรายการเฝ้าระวังสินค้าที่ส่งไปยังสหรัฐฯ จาก 49 รายการ เป็น 65 รายการ
นอกจากนี้ ยังได้มีการเจรจากับสหรัฐฯ เกี่ยวกับกฎว่าด้วยถิ่นกำเนิดสินค้า ที่จะประกาศแนวปฏิบัติอย่างชัดเจน โดยจะดูแลและเจรจาโดยตรงไปยังสหรัฐฯ ซึ่งรวบรวมอยู่ในระบบเทคโนโลยี ทำให้มั่นใจได้ว่ามีการดูแลตั้งแต่ต้นทางจากประเทศไทย ไปจนถึงปลายทางสหรัฐอเมริกา ซึ่งถือเป็นเรื่องใหม่ที่คนอาจจะไม่เข้าใจ โดยจะเร่งทำความเข้าใจ โดยการประสานกับสมาคมหอการค้าไทยและอุตสาหกรรมไทยรวมถึงตลาดทุนไทยเพื่อคลายกังวล ส่วนการปลอมแปลงหนังสือรับรองถิ่นกำเนิดสินค้า ที่ได้มีการออกหนังสือไป 3 แสนกว่าฉบับ แต่มีหนังสือปลอมแปลงเพียง 5 ฉบับ ส่วนในปี 2568 ยังไม่พบการปลอมแปลง เนื่องจากได้นำระบบการป้องกันมาใช้ รวมถึงได้รับความร่วมมือจากกรมการค้าต่างประเทศ และกรมศุลกากรปลายทางที่ทำให้สามารถตรวจสอบได้ตั้งแต่ต้นทางจนถึงปลายทางและสามารถทำให้ตรวจสอบการปลอมแปลงได้
ส่วนมาตรการจัดการและดูแลสินค้าทางการเกษตรนั้น เราต้องแก้ไขในระยะยาว ซึ่งมีการประเมินอุปทานและอุปสงค์ล่วงหน้า ผลักดันการส่งออกและกำหนดมาตรฐานนำเข้า ขณะเดียวกันสถานการณ์ข้าวโลก มีอุปสงค์และอุปทานไม่ตรงกัน อินโดนีเซีย และฟิลิปปินส์ จำกัดการนำเข้าข้าว ทำให้พบว่าสถานการณ์ข้าวไทยปัจจุบันมีเหลืออยู่ 25.3 ล้านตัน แต่มีส่วนที่จะต้องบริหารจัดการเพียง 1.8 ล้านตัน ที่ต้องวางแนวทางแก้ไขปัญหาในระยะยาว
สำหรับมาตรการช่วยเหลือผู้ประกอบการ 7 จังหวัดชายแดนไทย-กัมพูชานั้น ส่วนตัวตนตั้งใจจะลงพื้นที่เพื่อไปช่วยเหลือผู้ประกอบการ โดยเตรียมทำมหกรรมการค้าชายแดน รวมถึงเสริมสร้างศักยภาพการแข่งขันของไทยด้วยการผลักดันการใช้สิทธิประโยชน์จาก FTA และเร่งบรรลุข้อตกลง FTA ไทย-สหภาพยุโรป และไทย-เกาหลีใต้