รอบโลก:กรีซผ่านร่างแผนฟื้นฟูหนี้แล้ว/สว.สหรัฐค้านเลื่อนอันดับค้ามนุษย์มาเลย์

 *ทันสถานการณ์โลก 06.30 น.

++++สมาชิกรัฐสภากรีซ ลงมติสนับสนุนแผนปฏิรูปเศรษฐกิจ 229 เสียง ค้าน 64 เสียง แต่มากกว่า 30 เสียงในพรรคซีริซ่า ที่เป็นพรรครัฐบาลของนายกรัฐมนตรีซีปราส ที่ออกเสียงไม่รับ โดย สส.กรีซอภิปรายมาตรการเศรษฐกิจที่เข้มงวด อย่างกว้างขวาง ทั้ง การขึ้นภาษีมูลค่าเพิ่มร้อยละ 6-23 การขึ้นภาษีนิติบุคคลจากเดิมร้อยละ 26-29 และการขยายระยะเวลาเกษียณอายุจาก 60 ปีเป็น 67 ปี ด้านนายกรัฐมนตรีอเล็กซิส ซีปราสและนายยานิส วารูเฟกิส อดีตรัฐมนตรีคลังของกรีซใช้รายงานล่าสุดของไอเอ็มเอฟ เป็นเหตุผลสนับสนุนข้อโต้แย้งของเขาที่ว่า แผนช่วยกู้วิกฤติตามข้อเสนอของเจ้าหนี้ไม่สามารถจะแก้ไขวิกฤติของกรีซในระยะยาว ดังนั้นการที่รัฐบาลกรีซเรียกร้องให้มีการผ่อนผันระยะเวลาการชำระหนี้จึงถือว่าเหมาะสมแล้ว

+++ขณะเดียวกัน ชาวกรีซที่ต่อต้านข้อตกลงดังกล่าวได้ออกมาประท้วงตามท้องถนนต่างๆในกรุงเอเธนส์ก่อนการลงมติของสส. โดยเฉพาะกลุ่มสหภาพแรงงาน สมาคมการค้าตัวแทนราชราชการ คนงานเทศบาลและเจ้าของร้านขายยาได้นัดหยุดงานประท้วง รายงานของไอเอ็มเอฟที่เขียนขึ้นก่อนที่ผู้นำยูโรโซนจะบรรลุข้อตกลงกับกรีซเมื่อเช้าวันจันทร์ ระบุว่าในช่วง 2 ปีนี้ หนี้สาธารณะของกรีซใกล้จะถึงร้อยละ 200 ของจีดีพี จะส่งผลให้การแก้ไขปัญหาหนี้ของกรีซสำเร็จผลได้ก็ต่อเมื่อเจ้าหนี้ยอมผ่อนผันระยะเวลาการชำระให้กรีซนานถึง 30 ปี ซึ่งถือว่านานกว่าระยะเวลาผ่อนผันที่เจ้าหนี้ยุโรปสามารถจะรับได้

+++นายยานนิส ดรากาซาคิส รองนายกรัฐมนตรีของกรีซขอขอบคุณประธานาธิบดีบารัก โอบามาของสหรัฐฯ หากไม่ได้รับการช่วยเหลือจากสหรัฐฯอีกแรงหนึ่งที่ช่วยสนับสนุนจุดยืนที่ว่าข้อตกลงกอบกู้วิกฤตินี้ควรจะรวมถึงประเด็นการผ่อนผันระยะเวลาชำระหนี้ การทำข้อตกลงกับเจ้าหนี้คงจะไม่สำเร็จ

+++นายโมฮัมหมัด จาวัด ซาริฟ รัฐมนตรีต่างประเทศอิหร่านว่า การทำข้อตกลงกับ 6 มหาอำนาจของโลกที่นำโดยสหรัฐฯช่วยให้อิหร่านรอดพ้นจากวิกฤติที่ต่างชาติกุขึ้นเอง น รัฐมนตรีต่างประเทศอิหร่านได้ตอบโต้นักวิจารณ์คนสำคัญคือ นายกรัฐมนตรีเบนจามิน เนทันยาฮูของอิสราเอล ซึ่งกล่าวถึงการทำข้อตกลงนี้ว่าเป็นความผิดพลาดครั้งประวัติศาสตร์ ระบุว่านายเนทันยาฮู ต้องการทำลายบรรยากาศความสำเร็จของการเจรจาเนื่องจากไม่พอใจที่นานาชาติยกเลิกการคว่ำบาตรอิหร่าน และไม่พอใจที่อิหร่านจะพ้นจากวิกฤติเศรษฐกิจ

+++ราคาน้ำมันร่วงปรับตัวลดลงต่ำสุด 3 เดือน น้ำมันดิบเวสต์เทกซัสหรือไลต์สวีตครูด งวดส่งมอบเดือนสิงหาคม ลดลง 1.63 ดอลลาร์ ปิดที่ 51.41 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนเบรนต์ทะเลเหนือลอนดอน งวดส่งมอบเดือนเดียวกัน ลดลง 1.46 ดอลลาร์ ปิดที่ 57.05 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล   จากข้อมูลของ แพลตต์ส ผู้ให้บริการข้อมูลทางพลังงาน พบว่าตอนนี้ อิหร่าน ส่งออกน้ำมันดิบเพียง 1 ล้านบาร์เรลต่อบาร์เรล จากเดิมที่เคยส่งออกราว 2.2-2.3 ล้านบาร์เรลต่อวัน ก่อนถูกตะวันตกออกมาตรการคว่ำบาตรในช่วงกลางปี 2012

+++ ด้านตลาดหุ้นสหรัฐฯเมื่อวันพุธ(15ก.ค.) ปิดลบในกรอบแคบๆ หลังจากนางเจเน็ต เยลเลน ประธานเฟดบอกว่าธนาคารกลางสหรัฐฯแห่งนี้พร้อมขึ้นดอกเบี้ยหากเศรษฐกิจดาวโจนส์ ลดลง 3.14 จุดปิดที่ 18,050.17 จุด  ส่วนราคาทองคำขยับลง แตะระดับต่ำสุดในรอบ 4 เดือน ทองคำตลาดโคเม็กซ์ลดลง 7.30 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,146.30 ดอลลาร์ต่อออนซ์

+++วุฒิสมาชิกสหรัฐทั้งจากพรรคเดโมแครตและรีพับลิกันร่วมกันยื่นหนังสือถึงนายจอห์น แคร์รี่ รมว.ต่างประเทศสหรัฐ แสดงความ“กังวลอย่างยิ่ง” ที่สหรัฐอาจยกฐานะให้มาเลเซียออกจากบัญชีกลุ่มที่3 ของรายงานสถานการณ์การค้ามนุษย์ประจำปี2558ก่อนเวลาอันควร ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อความน่าเชื่อถือของรายงานที่มีจุดมุ่งหมายขจัดปัญหาการค้ามนุษย์ทั่วโลก   ทั้งนี้หนังสือดังกล่าวเขียนว่า รายงานสถานการณ์การค้ามนุษย์ประจำปีนี้ได้ล่าช้าออกไปกว่า5สัปดาห์ ซึ่งถือว่าล่าช้าที่สุดเท่าที่เคยมีมา ขณะที่เมื่อสัปดาห์ที่แล้วสำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่ากระทรวงการต่างประเทศสหรัฐมีแผนที่จะเลื่อนขั้นให้มาเลเซียออกจากบัญชีกลุ่มที่3 ที่สหรัฐจัดอันดับให้เมื่อปีที่แล้ว เพื่อหวังเปิดทางเจรจาเขตการค้าเสรีกับกลุ่มประเทศภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และอีก11ประเทศในภูมิภาครอบมหาสมุทรแปซิฟิก   +++คณะกรรมาธิการพิเศษของสภาผู้แทนราษฎรญี่ปุ่นที่ทำหน้าที่กลั่นกรองร่างกฎหมายได้ลงมติผ่านร่างกฎหมายสำคัญ 2 ฉบับเพื่อให้ที่ประชุมรัฐสภาอภิปรายกันต่อไป ปูทางไปสู่การเพิ่มบทบาทให้แก่กองทัพฯ ก่อให้เกิดการประท้วงจากสส.พรรคฝ่ายค้าน และนักเคลื่อนไหวที่ด้านนอกอาคารรัฐสภา ส.ส.บางคนถึงขั้นชกต่อยและคว้าตัวประธานฯออกจากที่นั่งประธาน ขณะเดียวกัน นักเคลื่อนไหวหลายร้อยคนรวมตัวกันที่ด้านนอกอาคาร เพื่อคัดค้านร่างกฎหมายดังกล่าวสำหรับขั้นตอนจากนี้ไป คณะกรรมาธิการฯจะเสนอร่างนั้นให้สภาผู้แทนราษฏรพิจารณาในวันพฤหัสบดีนี้ ก่อนการเสนอให้วุฒิสภาพิจารณาอนุมัติต่อไป หากผ่านการลงมติรับรองจากทั้งสองสภา รัฐบาลญี่ปุ่น จะสามารถส่งทหารไปทำการสู้รบในต่างแดนภายใต้หลักการที่เรียกว่าการป้องตนเองร่วมกัน นายกรัฐมนตรีชินโซ อาเบะกล่าวว่าการปกป้องประเทศถือว่าเป็นเรื่องที่สำคัญ น่าเสียดายที่ชาวญี่ปุ่นบางกลุ่มยังไม่เข้าใจประเด็นนี้อย่างลึกซึ้ง เพิ่มเติมว่ารัฐบาลจะใช้เวลาทำความเข้าใจกับสาธารณะชนในเรื่องนี้ให้มากขึ้น แต่ผลสำรวจความคิดเห็นของโพลล์หลายสำนักบ่งชี้ว่า ชาวญี่ปุ่นส่วนใหญ่คัดค้านเรื่องนี้ ที่ผ่านมารัฐธรรมนูญที่ร่างขึ้นหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ของญี่ปุ่น ห้ามรัฐบาลใช้กำลังทหารเพื่อแก้ไขข้อพิพาท เว้นแต่เป็นการป้องกันตัวเอง ที่ผ่านมาเพื่อนบ้านเช่น จีนและเกาหลีใต้วิจารณ์รัฐบาลญี่ปุ่นว่าต้องการจะย้อนยุคกลับไปสร้างความเกรียงไกรให้กับกองทัพญี่ปุ่น       

+++นายคริสเตียน เกรย์โฆษกกองทัพอากาศอังกฤษแถลงว่า มีขีปนาวุธ 2ลูกเกิดอุบัติเหตุหลุดร่วงลงมาจากเครื่องบินขับไล่ทอร์นาโดจีอาร์4ของกองทัพอากาศอังกฤษขณะเตรียมร่อนลงจอดที่ฐานทัพอากาศอโครติริเขตชานเมืองลิมาสโซลทางใต้ของไซปรัส เมื่อวันพุธที่15ก.ค.หลังเสร็จสิ้นปฏิบัติการทางทหาร แต่ไม่เกิดการระเบิดและไม่มีรายงานผู้ได้รับบาดเจ็บ นับเเป็นครั้งแรกที่มีเกิดเหตุการณ์นี้  ขีปนาวุธบริมสโตนเป็นจรวดโจมตีที่ออกแบบมาเพื่อการค้นหาและทำลายเป้าหมายรถหุ้มเกราะและรถถังขณะขับเคลื่อน เมื่อวันที่6ก.ค.ที่ผ่านมามีระเบิดร่วงลงมาจากเครื่องบินแบบขับไล่แบบซุคฮอยของกองทัพอิรักและเกิดระเบิดขึ้นทางตะวันออกของกรุงแบกแดดเนื่องจากเหตุขัดข้องด้านเทคนิคทำให้มีผู้เสียชีวิต 8ศพ

+++บริษัทอูเบอร์ของสหรัฐฯ ผู้ให้บริการธุรกิจแท๊กซี่รับส่งผู้โดยสารในลักษณะการแชร์รถยนต์ สามารถไกล่เกลี่ยคดีกับครอบครัวหนึ่งหลังด.ญ.โซเฟีย หลุยส์ วัย 6 ขวบ ถูกรถยนต์คันหนึ่งของอูเบอร์ชนเสียชีวิต ขณะข้ามทางม้าลายบนถนนแห่งหนึ่งในนครซานฟรานซิสโก ในช่วงก่อนเทศกาลคริสมาสปี 2556 ส่วนคุณแม่และพี่ชายของด.ญ.คนดังกล่าวบาดเจ็บ อูเบอร์เพิ่มเติมว่าคนขับรายนี้ทำงานฟรีแลนซ์ ล็อคอินเข้ามาลงทะเบียนรับงานตามเวลาที่เห็นว่าสะดวก เพิ่มเติมว่าอูเบอร์เพียงแต่ทำหน้าที่ประสานให้คนขับและผู้โดยสารได้รับความสะดวกเท่านั้น จึงไม่น่าจะให้บริษัทฯรับผิดชอบอุบัติเหตุที่เกิดขึ้น แต่ในเวลาต่อมาอูเบอร์ยอมไกล่เกลี่ยคดีนี้ ระบุว่าแม้ว่าไม่อาจจะช่วยบรรเทาความเสียใจของทางครอบครัวจากกรณีการสูญเสียลูกสาว แต่หวังว่าการไกล่เกลี่ยคดีครั้งนี้จะช่วยให้ครอบครัวใช้ชีวิตต่อไปได้ตามปกติและแสดงความเสียใจต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น