ที่สำนักงานใหญ่สหประชาชาติ ณ นครนิวยอร์ก นายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ได้ขึ้นกล่าวถ้อยแถงต่อที่ประชุมสมัชชาใหญ่สหประชาชาติสมัยที่ 80 โดยมีถ้อยคำตอนหนึ่งที่ระบุถึงสถานการณ์ไทย-กัมพูชา การรับมือกับอาชญากรรมข้ามชาติ และพันธกิจของไทยในการสร้างประชาคมหนึ่งเดียวตลอดจนการให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมกับประเทศเพื่อนบ้าน ความตอนหนึ่งระบุว่า แม้แต่ในประเทศเพื่อนบ้านที่ใกล้ชิดที่สุด ข้อพิพาทก็อาจเกิดขึ้นได้ ต้องยอมรับว่าสถานการณ์ปัจจุบันกับกัมพูชาไม่น่าพึงปรารถนาและไม่เป็นผลดีต่อทั้งสองฝ่าย สันติภาพ เสถียรภาพ และความเจริญรุ่งเรืองของเราเชื่อมโยงกันอย่างใกล้ชิด เราไม่สามารถแยกออกจากกันได้ เพราะเราเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวอาเซียนเดียวกัน
ผมต้องเขียนคำปราศรัยใหม่เพราะคำพูดที่น่าเสียดายที่สุดของผู้แทนกัมพูชาซึ่งเป็นเพื่อนร่วมงานของผม ด้วยความผิดหวัง กัมพูชายังคงแสดงตนว่าเป็นฝ่ายที่ตกเป็นเหยื่ออย่างต่อเนื่อง กัมพูชาได้นำเสนอในสิ่งที่บอกว่าเป็นข้อเท็จจริงในมุมมองของตนเองซ้ำแล้วซ้ำเล่า ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่สามารถตรวจสอบได้ เพราะมันเป็นเพียงการบิดเบือนความจริงเท่านั้น
"เราทราบดีว่าใครคือเหยื่อที่แท้จริง พวกเขาคือทหารไทยที่ต้องสูญเสียขาจากทุ่นระเบิด เด็กนักเรียนที่โรงเรียนถูกยิงถล่มด้วยกระสุนปืนใหญ่ และพลเรือนผู้บริสุทธิ์ที่กำลังซื้อของในวันนั้นที่ร้านขายของชำซึ่งถูกโจมตีจากจรวดของกัมพูชา"
เมื่อสันติภาพนั้นกลับคืนสู่กัมพูชาหลังจากข้อตกลงสันติภาพปารีสปี 1991 ประเทศไทยก็มีบทบาทสำคัญในการช่วยสร้างและฟื้นฟูประเทศกัมพูชาให้กลับมั่นคงอีกครั้ง ทั้งการสร้างบ้าน ถนน และโรงพยาบาล เพราะสันติภาพของกัมพูชาก็เป็นผลประโยชน์ของประเทศไทยเช่นกัน นี่คือสิ่งที่เพื่อนบ้านควรทำให้กัน การหยุดยิงยังคงเปราะบาง เราต้องทำให้มันได้ผลอย่างยั่งยืน ซึ่งต้องอาศัยความมุ่งมั่นและการดำเนินการอย่างจริงใจจากทั้งสองฝ่าย
น่าเสียดายที่กัมพูชายังคงกระทำการอันเป็นการยั่วยุอย่างต่อเนื่อง รวมถึงการเคลื่อนย้ายและระดมพลเรือนเข้ามาในดินแดนไทยและการยิงใส่ฝั่งไทยเมื่อเร็วๆ นี้ ที่ได้บ่อนทำลายสันติภาพและเสถียรภาพตามแนวชายแดน ซึ่งเหตุการณ์ต่างๆ เหล่านี้เกิดขึ้นตั้งแต่วันที่ 23 กันยายน ที่ทหารกัมพูชายิงใส่ทหารไทยที่ประจำการอยู่ตามแนวชายแดน รวมถึงเหตุการณ์ล่าสุดเพิ่งเกิดขึ้นในวันนี้ (27 กันยายน ตามเวลาในไทย)
ทหารไทยยังคงตรวจพบโดรนสอดแนมของกัมพูชาที่บินรุกล้ำเข้ามาในดินแดนไทยเป็นประจำทุกวันในพื้นที่ชายแดน การกระทำเหล่านี้ถือเป็นการละเมิดอธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดนของไทย รวมถึงเป็นการละเมิดข้อตกลงหยุดยิงที่ตกลงกันไว้ในการประชุมพิเศษที่เมืองปุตราจายา ประเทศมาเลเซีย และเป็นข้อตกลงที่มีการยืนยันอีกครั้งในการประชุมคณะกรรมการชายแดนระหว่างสองประเทศขอให้ทุกท่านอย่าได้สงสัยว่า ประเทศไทยยืนหยัดเพื่อสันติภาพมาโดยตลอดและจะยืนหยัดในเรื่องดังกล่าวต่อไป และเราจะทำทุกวิถีทางเพื่อหาทางออกอย่างสันติต่อปัญหาปัจจุบันกับกัมพูชา
ขณะเดียวกัน ประเทศไทยจะยืนหยัดอย่างแน่วแน่และมั่นคงในการปกป้องอธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดนของเรา เราขอเรียกร้องให้กัมพูชาร่วมมือกับเราในการแก้ไขความแตกต่างและข้อขัดแย้งผ่านการเจรจาอย่างสันติ และกลไกต่างๆ ที่มีอยู่ในขณะนี้วันนี้ ประเทศของเราทั้งสองต้องเผชิญกับทางเลือกที่สำคัญ ในฐานะเพื่อนบ้านที่ใกล้ชิดและในฐานะมิตร ไทยขอถามกัมพูชาว่าจะเลือกเส้นทางใด ระหว่างเส้นทางแห่งการเผชิญหน้าอย่างต่อเนื่อง หรือเส้นทางแห่งสันติภาพและความร่วมมือ ประเทศไทยเลือกเส้นทางแห่งสันติภาพ เพราะเราเชื่อว่าประชาชนของทั้งสองประเทศสมควรได้รับสิ่งที่ดีกว่านี้ แต่เราตั้งคำถามอย่างจริงจังว่า กัมพูชามีเจตนาที่จะร่วมมือกับเราในการแสวงหาสันติภาพหรือไม่
สำหรับประเทศไทย การเจรจา ความไว้เนื้อเชื่อใจ และความสุจริตใจ ไม่ใช่เพียงแค่คำพูด แต่มันคือแนวทางที่เรายึดมั่นและเป็นหนทางสู่อนาคต เราจะยังคงยึดมั่นในหลักการเหล่านี้ในการมีส่วนร่วมกับหุ้นส่วนทั้งในอาเซียนและประชาคมระหว่างประเทศ รวมถึงมหาอำนาจต่างๆ เพื่อแสวงหาสันติภาพที่ยั่งยืนและความเจริญรุ่งเรืองที่ทุกฝ่ายมีส่วนร่วมกัน
ในฐานะประชาคมเดียวกัน ทุกประเทศต่างมีความรับผิดชอบร่วมกัน ความรับผิดชอบนี้ต้องครอบคลุมทุกฝ่าย ลัทธิพหุภาคีนิยมจะมีประสิทธิภาพมากขึ้นเมื่อผู้หญิงมีส่วนร่วมอย่างเต็มที่ ไม่ว่าจะเป็นในการรักษาสันติภาพ การป้องกันความขัดแย้ง หรือการตอบสนองต่อปัญหาด้านมนุษยธรรม เสียงและความเป็นผู้นำของพวกเธอจะช่วยเสริมสร้างความเข้มแข็งให้กับชุมชนของเราและทำให้สันติภาพมีความยั่งยืนยิ่งขึ้น ผมมั่นใจว่าการเลือกท่านประธาน (อันนาเลนา แบร์บ็อค รัฐมนตรีต่างประเทศเยอรมนี ซึ่งเป็นผู้หญิงคนแรกที่ดำรงตำแหน่งดังกล่าว) ให้เป็นผู้นำการประชุมสมัชชาครั้งนี้ จะเป็นแรงบันดาลใจให้เราทุกคนผลักดันวาระที่เกี่ยวข้องกับสตรีของสหประชาชาติด้วยความมุ่งมั่นมากขึ้นประเทศไทยตั้งใจที่จะทำหน้าที่ของเรา กองกำลังรักษาสันติภาพของไทยยังคงปฏิบัติหน้าที่ทั่วโลก ช่วยฟื้นฟูชีวิตที่ได้รับผลกระทบจากความขัดแย้ง
ในประเทศ ไทยได้กวาดล้างพื้นที่ปนเปื้อนทุ่นระเบิดไปแล้วกว่า 99 เปอร์เซ็นต์ ภายใต้อนุสัญญาต่อต้านการห้ามทุ่นระเบิดสำหรับบุคคล นี่ไม่ใช่แค่พันธกรณีตามสนธิสัญญาเท่านั้น แต่ยังเป็นการคืนผืนดินที่ปลอดภัยให้ชุมชนที่พวกเขาสามารถอยู่อาศัยและเติบโตต่อไปได้ มันคือการปฏิบัติตามหน้าที่ของเราที่มีต่อประชาชน เราต้องรับมือกับความท้าทายข้ามชาติ เช่น การอพยพย้ายถิ่นฐานที่เกิดจากความขัดแย้งและภัยพิบัติ ซึ่งเป็นบททดสอบร่วมที่ไม่มีประเทศใดสามารถแก้ไขได้เพียงลำพัง
นี่คือภารกิจที่แท้จริงของประเทศไทย เป็นเวลากว่าทศวรรษที่เราได้ให้ที่พักพิงแก่ผู้พลัดถิ่นจากเมียนมา ปัจจุบัน เรามอบโอกาสให้พวกเขาได้ทำงานนอกที่พักพิงชั่วคราวมากขึ้น เพื่อให้พวกเขาสามารถใช้ชีวิตอย่างมีศักดิ์ศรีและมีส่วนร่วมในสังคม ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของความมุ่งมั่นของเราต่อความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมและแนวทางแก้ไขปัญหาที่เป็นรูปธรร
ไทยกำลังเร่งความพยายามในการต่อสู้กับอาชญากรรมข้ามชาติ รวมถึงการหลอกลวงทางออนไลน์ เนื่องจากผลกระทบเหล่านี้แผ่ขยายไปอย่างกว้างขวาง อาชญากรรมไร้พรมแดนต้องการความร่วมมือที่ไร้พรมแดนเช่นกัน
วิสัยทัศน์ของประชาคมหนึ่งเดียวต้องเริ่มต้นจากใกล้บ้าน ภูมิภาคต่างๆ คือรากฐานของประชาคมโลก ในภูมิภาคของเรา สันติภาพและเสถียรภาพยังเป็นหัวใจสำคัญของความพยายามในการสร้างประชาคมของอาเซียนอีกด้วย
กระนั้น ความท้าทายก็ยังคงมีอยู่แม้กระทั่งในเพื่อนบ้านของเราเอง สถานการณ์ในเมียนมายังคงเป็นเรื่องที่น่ากังวลอย่างยิ่ง ประเทศไทยได้ให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมตลอดแนวชายแดน และเรายังคงเรียกร้องให้ทุกฝ่ายเจรจาและดำเนินกระบวนการสันติภาพอย่างยั่งยืน เพราะมันคือรากฐานของสันติภาพที่ยั่งยืนในเมียนมา
ติดตามฉบับเต็มที่นี่ :https://www.youtube.com/watch?v=brSlR8mB5iI&t=475s
#เขมรไทย
#รุกล้ำไทย