นายกฯ ย้ำแยกกันเดิน รวมกันตี กลยุทธ์ตอบโต้เขมร

          กองบัญชาการทหารสูงสุด รายงาน บันทึกเหตุการณ์พิพาทบริเวณชายแดนไทย–กัมพูชา วันที่ 22 กันยายน 2568 ตามรายงาน รัฐบาล, กองบัญชาการกองทัพไทย, กองทัพภาคที่ 1 และกองทัพภาคที่ 2 ได้สรุปเหตุการณ์บริเวณชายแดนไทย–กัมพูชา ดังนี้:

          สถานการณ์โดยรวม กองทัพภาคที่ 2 สถานการณ์โดยรวม ตรวจพบความเคลื่อนไหวของฝ่ายกัมพูชา โดยตรวจพบโดรนบริเวณพื้นที่ปราสาทโดนตวล 3 ลำ ปัจจุบันกองกำลังทั้งทั้ง 2 ฝ่าย ยังคงวางกำลังตามแนวที่มั่นของตนเอง ฝ่ายไทย จัดกำลังพลประจำจดเฝ้าตรวจตามเหตุการณ์ เพื่อติดตามความเคลื่อนไหวของฝ่ายตรงข้าม และเตรียมความพร้อม ในการปฏิบัติตอบโต้ตามสถานการณ์

           “รัฐบาล-เหล่าทัพ” สะกดคำว่ายอมไม่เป็น ปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชา ต้องมีคำตอบ กำหนดเงื่อนไขเชิงรุก ใช้ความพร้อมให้เกิดประโยชน์กับประเทศ นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ในฐานะศิษย์เก่านักศึกษา วปอ. ปี 61 กล่าวในการนำเสนอผลการศึกษาของนักศึกษาวิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักรรุ่นที่ 67 ภายใต้หัวข้อ “speedup thailand กลยุทธ์กลการเร่งเครื่องประเทศไทย ไปสู่อนาคต” กล่าวว่า แม้รัฐบาลมีเวลาไม่มาก แต่เราจะทำให้ความคาดหวังของพวกพี่และความตั้งใจของพวกตนไปบรรจบกันที่เป้าหมาย แยกกันเดิน รวมกันตี ทหารก็รบไป คิดยุทธศาสตร์ไป ตนก็หาวิธีกดดัน วันนี้ยอมไม่ได้ บอกว่ามาถึงขนาดนี้แล้วมีแต่เราต้องไล่ตี กำหนดเงื่อนไขเชิงรุก คนที่มีปัญหากับเราต้องยอมรับ

            พลโท บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 เปิดเผยความคืบหน้าการนัดประชุมคณะกรรม ชายแดนส่วนภูมิภาคไทย-กัมพูชา (RBC) จัดทำแผนดำเนินการถอนอาวุธหนัก และยุทโธปกรณ์ทำลายล้างสูงออกจากพื้นที่ชายแดนว่า ฝ่ายกัมพูชายังไม่มีท่าทีที่จะดำเนินการ มีแต่จะเพิ่มกำลังในพื้นที่ ซึ่งยังไม่ชัดว่าจะสามารถนำไปสู่การปฏิบัติได้หรือไม่ และยังไม่ได้มีการกำหนดการประชุมRBC คาดว่าจะเป็นต้นเดือน ต.ค.นี้

          เมื่อถามว่า นายอนุทิน ชาญวีรกุล นายกรัฐมนตรี ประกาศให้อำนาจกองทัพตัดสิน เปิด-ปิดด่านและสร้างรั้วชายแดนเต็มที่ พล.ท.บุญสิน กล่าวว่า ต้องขอบคุณนายกฯ ที่ให้ความเชื่อมั่นและไฟเขียวกองทัพในการแก้ไขปัญหาชายแดน