ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ และนายกรัฐมนตรีเคียร์ สตาร์เมอร์แห่งสหราชอาณาจักร ร่วมแสดงความยินดีต่อการฟื้นฟูความสัมพันธ์พิเศษของทั้งสองประเทศในโอกาสที่ประธานาธิบดีทรัมป์เดินทางเยือนอย่างเป็นทางการครั้งที่ 2 เป็นเวลา 2 วันซึ่งจบลงด้วยการแสดงความสามัคคี และหลีกเลี่ยงการหารือเกี่ยวกับข้อขัดแย้ง
นายกรัฐมนตรีสตาร์เมอร์ กล่าวว่าเป็นการต่ออายุความสัมพันธ์พิเศษสำหรับยุคใหม่ ความร่วมมือในวันนี้เป็นสัญญาณที่แสดงถึงความมุ่งมั่นร่วมกัน เพื่อนำมาซึ่งผลประโยชน์ที่แท้จริงในด้านการจ้างงาน การเติบโต ค่าใช้จ่ายที่ลดลง โดยเสนอให้สหราชอาณาจักรเป็นจุดหมายปลายทางสำหรับการลงทุนของสหรัฐฯ โดยมุ่งเน้นไปที่ภาคบริการทางการเงิน เทคโนโลยี และพลังงาน ซึ่งจะนำไปสู่การขยายโครงสร้างพื้นฐานและเศรษฐกิจ
ส่วนประธานาธิบดีทรัมป์ เห็นว่า นายกรัฐมนตรีสตาร์เมอร์เป็นผู้เจรจาที่เข้มแข็งในการบรรลุข้อตกลงภาษีศุลกากรฉบับแรกกับสหรัฐฯ แม้ว่าจะยังไม่สามารถลดภาษีเหล็กกล้าที่สหรัฐฯเรียกเก็บที่อัตราร้อยละ 25 ก็ตาม
ก่อนหน้านี้ กลุ่มบริษัทยักษ์ใหญ่ด้านเทคโนโลยี ไมโครซอฟท์ (Microsoft), อินวิเดีย (Nvidia), กูเกิล (Google) และโอเพนเอไอ (OpenAI) ประกาศแผนลงทุนในสหราชอาณาจักรด้านอุตสาหกรรมปัญญาประดิษฐ์ (AI), ควอนตัมคอมพิวติ้ง และพลังงานนิวเคลียร์
ประธานาธิบดีทรัมป์ กล่าวว่า เขาได้หารือเกี่ยวกับปัญหาผู้อพยพกับนายกรัฐมนตรีสตาร์เมอร์ ระหว่างการประชุมที่บ้านพักตากอากาศเชคเกอร์ส ซึ่งทั้งสองประเทศกำลังเผชิญกับความท้าทายที่คล้ายกัน และแนะนำให้ใช้ทหารควบคุมชายแดนเพื่อป้องกันผู้อพยพ เพราะปัญหานี้ทำลายประเทศจากภายใน ส่วนนายกรัฐมนตรีสตาร์เมอร์ กล่าวว่า รัฐบาลของเขามีความจริงจังในการแก้ไขปัญหาการเข้าเมืองผิดกฎหมาย โดยมีการบรรลุข้อตกลงส่งตัวผู้อพยพกับหลายประเทศแล้ว และกำลังดำเนินการปราบปรามกลุ่มลับลอบขนคนเข้าเมือง
ส่วนในการตอบคำถามผู้สื่อข่าว ประธานาธิบดีทรัมป์ กล่าวว่าเขาไม่เห็นด้วยกับนายกรัฐมนตรีสตาร์เมอร์ ในเรื่องการรับรองรัฐปาเลสไตน์ ซึ่งเป็นหนึ่งในไม่กี่ประเด็นที่มีความเห็นแตกต่างกัน ส่วนนายกรัฐมนตรีสตาร์เมอร์กล่าวว่าเขาและผู้นำสหรัฐฯ มีความเห็นพ้องในเรื่องเป้าหมายสูงสุดในการสร้างสันติภาพในภูมิภาค
ประธานาธิบดีทรัมป์ กล่าวว่า ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูตินแห่งรัสเซีย ทำให้เขาผิดหวัง เพราะยังไม่ยอมรับข้อตกลงสันติภาพยูเครน โดยย้ำข้อเรียกร้องให้ประเทศต่างๆ ในยุโรปหยุดซื้อน้ำมันจากรัสเซีย เพื่อกดดันให้ยุติสงคราม และกล่าวด้วยว่า สหรัฐฯ กำลังพยายามที่จะยึดฐานทัพอากาศบาแกรมในอัฟกานิสถานคืนมา และวิพากษ์วิจารณ์รัฐบาลของอดีตประธานาธิบดีโจ ไบเดน ที่ถอนกำลังออกจากประเทศอย่างวุ่นวายในปี 2564
...
#โดนัลด์ทรัมป์
#สหราชอาณาจักร
#สงครามยูเครน
#ปาเลสไตน์
#เศรษฐกิจ