ออสเตรเลีย ซึ่งเป็นประเทศที่มีมลพิษต่อประชากรมากที่สุดในโลกแห่งหนึ่ง เพิ่มเป้าหมายลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนจากเดิมที่ระดับร้อยละ 43 เป็นอย่างน้อยร้อยละ 62 เมื่อเทียบกับระดับปี 2548 ภายในช่วงทศวรรษหน้า
ปัจจุบันออสเตรเลียถูกวิพากษ์วิจารณ์เป็นอย่างมาก เนื่องจากการพึ่งพาเชื้อเพลิงฟอสซิลอย่างต่อเนื่อง ซึ่งนายกรัฐมนตรีแอนโธนี อัลบาเนซี แห่งออสเตรเลีย กล่าวว่า การกำหนดเป้าหมายครั้งใหม่นี้ เป็นการแสดงถึงความรับผิดชอบ โดยได้รับการสนับสนุนจากวิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยี หลังจากที่มีรายงานประเมินความเสี่ยงเตือนว่าออสเตรเลียจะเผชิญกับสภาพอากาศที่เลวร้ายมากขึ้นเรื่อยๆ ในอนาคต และการกำหนดเป้าหมายลดการปล่อยมลพิษจากระดับปี 2548 เป็นส่วนหนึ่งของพันธกรณีภายใต้ข้อตกลงปารีสว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ สอดคล้องกับเกณฑ์การลดการปล่อยมลพิษที่อยู่ระหว่างร้อยละ 62 ถึง 70
นายกรัฐมนตรีอัลบาเนซี จะประกาศความมุ่งมั่นของออสเตรเลีย ในการประชุมสมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติที่นิวยอร์กในช่วงปลายเดือนนี้
ตามข้อตกลงปารีสว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศปี 2558 ประเทศต่างๆ จะร่วมกันควบคุมอุณหภูมิโลกไม่ให้เพิ่มขึ้น 1.5 องศาเซลเซียสจากระดับอุณหภูมิในช่วงปลายศตวรรษที่ 19 ซึ่งถือเป็นสิ่งสำคัญในการป้องกันผลกระทบอันเลวร้ายที่สุดจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
นายกรัฐมนตรีอัลบาเนซี กล่าวว่า ในรายงานเกี่ยวกับผลกระทบของการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ พบว่าออสเตรเลียมีอุณหภูมิเพิ่มขึ้นสูงกว่า 1.5 องศาเซลเซียสแล้วและทุกชุมชนต่างก็ได้รับผลกระทบ หากรัฐบาลไม่ดำเนินการที่เข้มงวดยิ่งขึ้น จะส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตจากคลื่นความร้อนเพิ่มขึ้น ภัยพิบัติทั้งน้ำท่วมรุนแรง ไฟป่า และระดับน้ำทะเลที่สูงขึ้น ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อประชาชน 1,500,000 คน มูลค่าทรัพย์สินจะลดลง 611,000 ล้านดอลลาร์ออสเตรเลีย (406,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ)
....
#ลดคาร์บอน
#ภาวะโลกร้อน
#ออสเตรเลีย