ชาวฝรั่งเศสหลายแสนคน เข้าร่วมการประท้วงครั้งใหญ่ ไม่พอใจมาตรการตัดลดรายจ่าย

          รัฐบาลฝรั่งเศสออกคำเตือนผลกระทบจากการที่กลุ่มสหภาพแรงงานไม่รับข้อเสนอในการตัดลดงบประมาณ และนัดหยุดงาน เพื่อเข้าร่วมการชุมนุมประท้วงในหลายเมืองทั่วประเทศ ในวันพฤหัสบดี (18 ก.ย.68) ตามเวลาท้องถิ่น ซึ่งในครั้งนี้กลุ่มครู เจ้าหน้าที่สาธารณสุข และเจ้าหน้าที่ขนส่งเข้าร่วมประท้วงด้วย ทำให้สหภาพแรงงานคาดว่าจะเป็นการประท้วงครั้งใหญ่ที่สุดครั้งหนึ่งนับตั้งแต่การประท้วงคัดค้านการปฏิรูปเงินบำนาญเมื่อปีที่แล้ว (2567)

          กระทรวงกิจการภายในของฝรั่งเศสเตือนว่า กลุ่มซ้ายจัดที่เข้าร่วมการประท้วงด้วยอาจก่อเหตุรุนแรงขึ้นได้ จึงมีการเพิ่มกำลังตำรวจมากกว่า 80,000 นาย และคาดว่าจะมีผู้ประท้วงประมาณ 600,000 ถึง 900,000 รายทั่วประเทศ

          การประท้วงครั้งนี้ทำให้การคมนาคมทั่วกรุงปารีสขัดข้อง เหลือเพียงการเดินรถไฟ 3 เส้นทางที่เป็นระบบซึ่งไม่มีคนขับยังเปิดให้บริการตามปกติ เช่นเดียวกับรถไฟความเร็วสูงส่วนใหญ่ ขณะที่การจราจรทางอากาศเป็นไปอย่างจำกัด แม้ว่ากลุ่มเจ้าหน้าที่ควบคุมการจราจรทางอากาศจะเลื่อนการประท้วงออกไปจนถึงเดือนตุลาคม และข้อมูลจากบริษัทสาธาณูปโภคของรัฐ แสดงให้เห็นว่าตั้งแต่เช้าวันพฤหัสบดี การผลิตพลังงานนิวเคลียร์ลดลง 1.1 กิกะวัตต์ เนื่องจากโรงงานต่างๆ ลดการผลิตลง

          นายเซบาสเตียน เลอกอร์นู ซึ่งเพิ่งเข้ารับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีคนที่ 7 ของประธานาธิบดีเอ็มมานูเอล มาครงเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ให้คำมั่นว่าจะกำหนดแนวทางใหม่เพื่อแก้ไขปัญหางบประมาณ แต่กลุ่มสหภาพแรงงานยังคงยืนยันคัดค้านแผนตัดลดรายจ่าย 44,000 ล้านยูโร (ประมาณ 1.65 ล้านล้านบาท) ที่ร่างโดยนายฟรองซัวส์ บายรู อดีตนายกรัฐมนตรี และยังไม่เชื่อคำสัญญาของนายเลอกอร์นูที่จะยกเลิกสิทธิพิเศษตลอดชีพของนายกรัฐมนตรี และยังไ่ม่ยกเลิกวันหยุด 2 วัน

          นายเลอกอร์นู ซึ่งเป็นเสียงข้างน้อยในรัฐสภา ยังต้องพยายามอย่างหนักเพื่อผ่านร่างงบประมาณปี 2569 และยืนยันความจำเป็นที่จะต้องลดงบประมาณลงอย่างมากเพื่อแก้ไขปัญหาขาดดุลงบประมาณของฝรั่งเศส ซึ่งเพิ่มขึ้นเกือบสองเท่าของเกณฑ์ร้อยละ 3 ของสหภาพยุโรปเมื่อปีที่แล้ว (2567)

          นอกจากนี้ผู้ประท้วงยังมีความเห็นว่า อุปสรรคสำคัญของปัญหางบประมาณในเวลานี้ คือประธานาธิบดีมาครง ซึ่งเหลือเวลาอยู่ในตำแหน่งอีก 18 เดือน และมีคะแนนนิยมที่ต่ำที่สุดคือที่ประมาณร้อยละ 15-17 เท่านั้น

....

#ประท้วงฝรั่งเศส