ถกGBCไทย-กัมพูชา เห็นชอบถอนอาวุธหนัก-ร่วมเก็บกู้ทุ่นระเบิดภายใน 1 เดือน

วันนี้, 16:42น.


          พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม แถลงผลการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไปไทย-กัมพูชา หรือ GBC สมัยพิเศษ ครั้งที่ 1/2568 การประชุมครั้งนี้ติดตามความคืบหน้าในการดำเนินการผลการประชุมจีบีซี ที่ประเทศมาเลเซีย รวมทั้งข้อตกลงหยุดยิง รวมทั้งแนวทางการดำเนินการต่อไปเพื่อนำสันติภาพและความสงบสุขสู่พื้นที่ชายแดนได้อย่างถาวร การหารือวันนี้เป็นไปอย่างราบรื่น ที่ประชุมรับทราบความคืบหน้าหลายด้าน ถือเป็นความสำเร็จใช้กลไกทวิภาคีแก้ไขปัญหาระหว่างกัน และยืนยันว่าทั้งสองฝ่ายจะยึดมั่นแนวทางต่อไป ถึงแม้ว่ามีข้อห่วงกังวลบางประการที่ทำให้ฝ่ายไทยและประชาชนไทยไม่สบายใจ และอาจเป็นอุปสรรคต่อความฟื้นฟูความเชื่อมั่นและความไว้วางใจให้เป็นไปอย่างดังเดิมอยู่บ้างก็ตาม แต่สิ่งที่ทั้งสองฝ่ายเห็นชอบร่วมกัน และเป็นพัฒนาการสำคัญ



          1.การถอนอาวุธหนักและยุทโธปกรณ์ทำลายล้างสูงออกจากพื้นที่ชายแดน กลับสู่ที่ตั้งปกติ โดยฝ่ายเลขานุการGBC และRBC จะหารือกันภายใน 3 สัปดาห์ เพื่อจัดทำแผนดำเนินการและเริ่มเคลื่อนย้ายกำลังตามกรอบเวลาที่กำหนด โดยให้คณะผู้สังเกตการณ์ (IOT) เข้าร่วมสังเกตการณ์



          2.การเก็บกู้ วัตถุระเบิด จะมีการตั้งคณะประสานงานร่วม ประกอบด้วย ฝ่ายเลขานุการGBC และทุ่นระเบิดของฝ่ายในกัมพูชา ภายใน 1 สัปดาห์ เพื่อจัดทำแผนเก็บกู้วัตถุระเบิดและแผนนำร่องตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา เริ่มดำเนินการทันทีภายใน 1 เดือน



          3.การปราบปรามอาชญากรรมออนไลน์ หรือสแกมเมอร์ ได้มอบหมายให้กระทรวงมหาดไทยและสำนักงานตำรวจแห่งชาติของทั้ง 2 ฝ่าย ตั้งคณะทำงานภายใน 1 สัปดาห์เพื่อจัดทำแผนปฏิบัติงานร่วมกัน ทั้งนี้ ฝ่ายไทยได้ส่งมอบข้อมูลพิกัดที่ตั้งสแกมเซ็นเตอร์กว่า 60 แห่งให้กัมพูชา ให้ไปดำเนินการปราบปรามขั้นเด็ดขาด ซึ่งเป็นสิ่งที่คณะทำงานนี้จะหารือกัน ซึ่งผู้แทนของตำรวจไทยและรองผู้บัญชาการตำรวจกัมพูชาได้หารือกันนอกรอบ เพื่อนัดหมายการประชุมประสานงานตามข้อตกลงนี้เรียบร้อยแล้ว โดยมีกำหนดการวันที่ 16 ก.ย.ที่จังหวัดสระแก้ว



          4.การบริหารจัดการพื้นที่ชายแดน โดยเฉพาะกรณีบ้านหนองจาน จังหวัดสระแก้ว โดยที่ประชุมได้มอบหมายให้ คณะกรรมาธิการเขตแดนร่วม (เจบีซี) ไทย-กัมพูชา หารือเพื่อให้เกิดความชัดเจนเกี่ยวกับพื้นที่ดังกล่าว และให้คณะกรรมการชายแดนส่วนภูมิภาค (อาร์บีซี) หารือแนวทางการบริหารจัดการบนพื้นฐานผลการหารือในกรอบจีบีซี โดยให้ผู้ว่าราชการจังหวัดสระแก้ว และผู้ว่าฯบันเตียเมียนเจย ประสานงานกันเพื่อการบริหารจัดการสถานการณ์ ให้เกิดความสงบเรียบร้อย ทั้งนี้หากโมเดลนี้ประสบความสำเร็จ จะนำไปใช้บริหารจัดการพื้นที่อื่น ซึ่งมีปัญหาในลักษณะเดียวกัน



          5.หารือการผ่อนปรนผ่านแดนบางประเภท บางจุด และระหว่างที่สถานการณ์ไม่เป็นปกติ เพื่อลดผลกระทบภาคธุรกิจ การขนส่งข้ามแดน โดยมอบหมายให้กลไกอาร์บีซีไปหารือความเป็นไปได้ ในการอนุญาตให้มีการขนส่งสินค้า จุดผ่านแดนบางจุดที่ไม่มีปัญหาด้านความมั่นคง โดยอาจเริ่มดำเนินการที่จุดผ่านแดนถาวรจันทบุรีและตราด



          นอกจากทั้ง 2 ฝ่ายเห็นพ้องที่จะถอนอาวุธหนักออกจากพื้นที่ชายแดนแล้ว พัฒนาการสัมพันธ์การประชุมGBCครั้งนี้ คือทั้ง 2 ฝ่ายกำหนดแนวทางการดำเนินการใน 2 เรื่องที่ไทยให้ความสำคัญ แต่ก่อนหน้านี้ฝ่ายกัมพูชายังไม่เคยตอบรับ ได้แก่ การเก็บกู้ทุ่นระเบิด และการปราบปรามสแกมเมอร์ ซึ่งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องของไทยจะติดตามกับฝ่ายกัมพูชา ให้ดำเนินการตามที่ตกลงโดยเร็ว โดยการประชุมจีบีซีครั้งต่อไปจะกำหนดขึ้นภายใน 30 วัน โดยมีฝ่ายไทยเป็นเจ้าภาพ



          พล.อ.ณัฐพลย้ำว่า ไทย-กัมพูชา ไม่อาจย้ายหนีจากกันได้ จึงมีความจำเป็นที่สองประเทศต้องแก้ไขปัญหาโดยสันติวิธี เพื่อนำสันติภาพไปสู่ชายแดน และประชาชนทั้งสองประเทศจะได้กลับมาใช้ชีวิตปกติสุข



          โดยเมื่อวานนี้ (9 ก.ย.) ได้รับทราบแนวทางจากนายอนุทิน ที่ได้เน้นย้ำเรื่องปกป้องอธิปไตยต้องมาเป็นอันดับแรก และให้ความสำคัญกับบทบาทกองทัพในการป้องกันประเทศ พร้อมให้ดูแลความเป็นอยู่ของพี่น้องประชาชน ซึ่งตนมีวิธีที่จะบริหารจัดการแบ่งโซนพื้นที่ตามความตึงเครียดของสถานการณ์ตามลำดับ



          โซนที่ 1 มีความตึงเครียดสูงคือพื้นที่กองทัพภาค 2 ประกอบไปด้วย จ.อุบลราชธานี จ.ศรีสะเกษ จ.สุรินทร์ และ จ.บุรีรัมย์



           โซนที่ 2 คือ จ.สระแก้ว พื้นที่ความรับผิดชอบของกองทัพภาคที่ 1



           โซนที่ 3 คือ จ.จันทบุรีและตราด มีความตึงเครียดน้อยกว่าจุดอื่น



          การแบ่งโซนดังกล่าว นำมาซึ่งแนวความคิดในการผ่อนผัน ซึ่งจะดูที่สถานการณ์ในระดับความตึงเครียดและจากที่ผู้ประกอบการขอให้ผ่อนปรนบ้างจึงได้ดำเนินการในโซนที่ 3 ก่อน และมอบหมายให้กองกำลัง จันทบุรี-ตราด ไปพิจารณาดำเนินการ เพราะเป็นมาตรการทางด้านความมั่นคง โดยให้ประสานงานในพื้นที่กับ กรมศุลกากร กระทรวงพาณิชย์และอุตสาหกรรมสนับสนุนข้อมูลเพื่อเป็นแนวทางที่นำมาเจรจากัน



           โดยก่อนการประชุมได้หารือกับ พล.อ.เตีย เซยฮา แบบโฟว์อาย ได้พูดสองประเด็น คือสาส์น ของ พล.อ. ฮุน มาเนต ที่ส่งถึงนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีของไทย ในการแสดงความยินดีต่อนายอนุทิน โดยข้อความแสดงถึงท่าทีซึ่งจะนำไปสู่การคลี่คลายสถานการณ์ ท่านนายกฯ จึงอยากทราบแนวทางความคืบหน้าในการหารือในวันนี้ และประเด็นเจ็บปวดที่ต้องแก้ไขของบ้านเราในวันนี้คือเรื่องการเก็บกู้วัตถุระเบิด กับบ้านหนองจานขอความกรุณาให้ทางกัมพูชาตอบรับในเรื่องนี้ด้วย ซึ่งผลการประชุมได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากกัมพูชาอย่างไรก็ตามก็ต้องติดตามความจริงใจของกัมพูชาในการดำเนินการตามผลการประชุมวันนี้หรือไม่



 



#ประชุมจีบีซี



#ไทยกัมพูชา 

ข่าวทั้งหมด

X