โหวตท่วมท้น 'อนุทิน ชาญวีรกูล' เป็น นายกฯคนที่ 32

วันนี้, 16:04น.


          หลังการอภิปราย ผู้ที่ได้รับการเสนอชื่อให้ดำรงตำแหน่ง นายกรัฐมนตรี ล่าสุด ที่ประชุม มติ 311 เสียง ต่อ 152 เสียง งดออกเสียง 27 เสียง จากจำนวนสส.ที่ประชุมทั้งหมด 490 คน ดังนั้น ที่ประชุมมติเห็นชอบให้ นายอนุทิน ชาญวีรกูล ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี คนที่ 32 



          หลังจากที่ประชุมสภาฯ มีมติเห็นชอบบุคคลใดเป็นนายกรัฐมนตรีแล้ว นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร จะเป็นผู้นำรายชื่อบุคคลดังกล่าวขึ้นทูลเกล้าฯ เพื่อทรงมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีอย่างเป็นทางการต่อไป



          สำหรับพรรคร่วมรัฐบาลเดิม พรรคประชาธิปัตย์งดออกเสียง ส่วนพรรคร่วมไทยสร้างชาติ เช่นนายเอกนัฎ พร้อมพันธุ์ เลขาธิการพรรคให้การสนับสนุน นายอนุทิน 



เปิดประวัติ "อนุทิน ชาญวีรกูล" ว่าที่นายกรัฐมนตรี คนที่ 32 สำหรับประวัติของ นายอนุทิน ชาญวีรกูล เป็นบุตรชายของนายวีรวัฒน์ ชาญวีรกูล อดีต สส. และรัฐมนตรีหลายสมัย เกิดวันที่ 13 กันยายน พ.ศ. 2509 ชื่อเล่น "หนู" สื่อมวลชนนิยมเรียกกันว่า "เสี่ยหนู" อายุในปี 2568 จะอายุครบ 59 ปี 



          ด้านการศึกษา นายอนุทิน สำเร็จการศึกษาระดับมัธยมศึกษาจากโรงเรียนอัสสัมชัญ ก่อนไปศึกษาต่อที่ สหรัฐฯ เมื่อปี พ.ศ. 2532 จบระดับอุดมศึกษาด้านวิศวกรรมศาสตร์ จากมหาวิทยาลัยฮอฟสตรา (Hofstra University) ที่นิวยอร์ก และเริ่มต้นชีวิตการทำงานในธุรกิจของครอบครัว ระหว่างนั้นก็ยังศึกษาหาความรู้เพิ่ม ทั้ง Mini MBA มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์, ปริญญาวิศวกรรมศาสตรดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ สาขาวิศวกรรมโยธา มหาวิทยาลัยรามคำแหง



เส้นทางการเมือง ของ "อนุทิน"



          นายอนุทิน เข้าสู่วงการการเมืองเมื่อปี 2539 โดยการรับตำแหน่งที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ (ประจวบ ไชยสาส์น) และดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข (พ.ศ. 2547 และ พ.ศ. 2548) และรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ (พ.ศ. 2547) ต่อมาถูกตัดสิทธิทางการเมืองเป็นเวลา 5 ปี เนื่องจากเป็นกรรมการบริหารของพรรคไทยรักไทย และหลังจากพ้นกำหนดการตัดสิทธิทางการเมืองในปี 2555 ได้สมัครเข้าเป็นสมาชิกพรรคภูมิใจไทย ซึ่งเป็นพรรคต้นสังกัดของ นายชวรัตน์ ชาญวีรกูล ผู้เป็นบิดา ที่ย้ายมาจากพรรคพลังประชาชนร่วมกับกลุ่มเพื่อนเนวิน และต่อมาได้รับเลือกตั้งเป็นหัวหน้าพรรคต่อจากบิดา



          จากนั้นในการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรไทยเป็นการทั่วไป พ.ศ. 2557 นายอนุทิน ลงสมัครรับเลือกตั้งในระบบบัญชีรายชื่อ สังกัดพรรคภูมิใจไทย ลำดับที่ 1 แต่การเลือกตั้งเป็นโมฆะ ต่อมาในการเลือกตั้งปี 2562 ได้รับเลือกตั้งในระบบบัญชีรายชื่อ พรรคภูมิใจไทย ลำดับที่ 1 และได้รับการเสนอชื่อให้เป็นบุคคลที่พรรคการเมืองจะเสนอชื่อต่อรัฐสภาให้เป็นนายกรัฐมนตรี (แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี) 



          หลังการเลือกตั้ง นายอนุทิน และพรรคภูมิใจไทยเข้าร่วมจัดตั้งรัฐบาลกับพรรคพลังประชารัฐ และสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ ให้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีต่อเป็นสมัยที่  2 และได้รับแต่งตั้งเป็นรองนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข และยังดำรงตำแหน่งประธานสถาบันวิจัยระบบสาธารณสุขอีกตำแหน่งหนึ่ง



          โดยระหว่างที่ดำรงตำแหน่ง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข มีดราม่าเมื่อ นายอนุทิน ใช้คำว่า "โควิดกระจอก" ก่อนที่ต่อมา โควิดจะระบาดหนักในประเทศ จนมีผู้ติดเชื้อแตะหลักหมื่นคนต่อวัน และเสียชีวิตหลักร้อยคนต่อเนื่องหลายเดือน



          ขณะที่การเลือกตั้งปี 2566 นายอนุทิน ได้รับเลือกตั้งในระบบบัญชีรายชื่อ สังกัดพรรคภูมิใจไทย ลำดับที่ 1 และได้รับการเสนอชื่อให้เป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีอีกครั้ง และต่อมาเข้าร่วมจัดตั้งรัฐบาลโดยมีพรรคเพื่อไทยเป็นแกนนำ ก่อนจะได้ดำรงตำแหน่ง รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย



          กระทั่งมีการจัดตั้งรัฐบาลครั้งใหม่ ที่มีพรรคเพื่อไทยเป็นแกนนำ ซึ่งพรรคก้าวไกล ไม่สามารถจัดตั้งรัฐบาลได้ แม้จะเป็นพรรคที่ได้เสียงอันดับ 1 ในการเลือกตั้ง โดยพรรคเพื่อไทยได้เชิญพรรคภูมิใจไทยที่มี สส. 71 เสียง ร่วมจัดตั้งรัฐบาล โดยหลังการจัดตั้งรัฐบาล และโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งรัฐบาลทั้งคณะ นายอนุทิน ได้ดำรงตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรี และคุมกระทรวงมหาดไทย ในฐานะรัฐมนตรีว่าการ อีก 1 ตำแหน่ง 



เส้นทางสู้ว่าที่นายกฯ คนที่ 32 ของ "อนุทิน"



          ในช่วงปลายปีที่ผ่านมา นายอนุทินและพรรคร่วมรัฐบาล ได้เผชิญกับความขัดแย้งที่รุนแรงในหลายประเด็น ทั้งเรื่องนโยบายและการบริหารงาน ส่งผลให้เกิดความไม่ลงรอยกันอย่างหนัก จนเดือน มิ.ย. 2568 นายอนุทิน ได้ทำหนังสือ ขอลาออกจากตำแหน่ง รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.มหาดไทย 



          กระทั่งเกิดอุบัติเหตุทางการเมือง กับ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ถูกตุลาการศาลรัฐธรรมนูญมีมติ 6 ต่อ 3 ว่า ความเป็นรัฐมนตรีของ น.ส.แพทองธาร สิ้นสุดลงเฉพาะตัวตามรัฐธรรมนูญ เนื่องจากมีพฤติกรรมอันเป็นการฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานจริยธรรมอย่างร้ายแรง กรณีคลิปเสียงที่สนทนากับ "ฮุน เซน" ทำให้ต้องมีการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีคนใหม่  และแม้ พรรคภูมิใจไทย จะไม่ได้เป็นพรรคที่ได้เสียงข้างมากในการเลือกตั้งครั้งที่แล้วแต่เพราะการดีลกับ "พรรคประชาชน" สำเร็จ ทำให้พรรคภูมิใจไทย ผลักดันให้นายอนุทินขึ้นเป็น นายกฯ คนที่ 32



 

ข่าวทั้งหมด

X