การประชุมสภาผู้แทนราษฎร มีนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภา ทำหน้าที่เป็นประธานการประชุม เข้าสู่วาระพิจารณาร่าง พ.ร.บ.การบริหารจัดการระบบตั๋วร่วม พ.ศ. … วาระ 2 และ 3 ต่อจากสัปดาห์ที่แล้ว ต่อเนื่องในมาตรา 35 จากนั้นเข้าสู่การพิจารณาและลงมติมาตรา 35 ร่าง พ.ร.บ.การบริหารจัดการระบบตั๋วร่วม เป็นไปอย่างขลุกขลัก เพราะ ส.ส.ฝ่ายค้านไม่ร่วมแสดงตนเป็นองค์ประชุมให้ ต้องเสียเวลารอ ส.ส.ฝ่ายรัฐบาลมาแสดงตนเป็นองค์ประชุมเกือบ 10 นาที มีผู้มาแสดงตน 248 คน เกินองค์ประชุม 246 คนอย่างฉิวเฉียดเพียง 2 เสียง ส่วนมาตราที่เหลืออภิปรายและลงมติ ครบทั้ง 54 มาตรา ผู้แสดงตนเป็นองค์ประชุมยังคงเกินมาเพียง 2-3 เสียงเท่านั้น แต่ก็สามารถผ่านมาวาระสองไปได้
ภายหลังอภิปรายครบถ้วนทั้ง 54 มาตราแล้ว ที่ประชุมจึงลงมติเห็นชอบผ่านร่าง พ.ร.บ.การบริหารจัดการระบบตั๋วร่วม วาระ 3 ด้วยคะแนน 248 ต่อ 151 จากจำนวนผู้มาประชุม 398 คน
ต่อมาที่ประชุมสภา มีนายไชยา พรหมา รองประธานสภา คนที่หนึ่ง เป็นประธานที่ประชุม พิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (ฉบับที่…) พ.ศ. … ที่คณะกรรมาธิการ (กมธ.) พิจารณาแล้วเสร็จ เป็นการพิจารณาวาระ 2 และวาระ 3 การพิจารณาแต่ละมาตราต้องลุ้นเรื่ององค์ประชุมแบบใจหายใจคว่ำ เนื่องจาก ส.ส.ฝ่ายค้าน ไม่ร่วมเป็นองค์ประชุมให้ ทำให้ในแต่ละมาตรามีองค์ประชุมเกินมาเพียง 3-5 เสียงเท่านั้น
การอภิปรายที่สมาชิกให้ความสนใจมากสุดคือมาตรา 8 ที่ให้นำรายได้ของ รฟม.หลังจาหลักค่าใช้จ่ายต่างๆ แล้ว ให้นำมาเป็นรายได้ของรัฐ โดย ส.ส.ฝ่ายค้านแสดงความเป็นห่วงว่า การนำรายได้ของ รฟม.ส่งให้รัฐเพื่อนำไปใช้อุดหนุนโครงการค่าโดยสารรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย โดยเห็นว่ารัฐมีหน้าที่นำงบประมาณแผ่นดินเพื่อดูแลประชาชน 70 ล้านคนทั้งประเทศ ไม่ใช่แค่คน 2 ล้านคนที่ใช้รถไฟฟ้า จะกระทบวินัยการเงินการคลังของประเทศ
นายสรวุฒิ เนื่องจำนงค์ ประธาน กมธ. ชี้แจงว่า โครงการรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย เป็นประโยชน์กับคนทั้งประเทศ ไม่ได้เอาเงินของรัฐมาอุ้มเฉพาะคน กทม. เพราะใน กทม.ไม่ได้มีเฉพาะคนกรุงเทพฯ แต่มีคนต่างจังหวัดเข้ามาอยู่อาศัยเป็นจำนวนมาก ถือว่าเป็นประโยชน์กับคนทั้งประเทศ สุดท้ายที่ประชุมเห็นชอบตาม กมธ.แก้ไข