พายุคาจิกิขึ้นฝั่งที่ชายฝั่งภาคกลางเวียดนามด้วยความแรงลม 133 กม.ต่อชม.

          นายเหงียน วัน เฮือง หัวหน้าแผนกพยากรณ์อากาศ ของศูนย์พยากรณ์อุตุนิยมวิทยาและอุทกวิทยาแห่งชาติเวียดนาม แถลงเรื่องสถานการณ์พายุเมื่อบ่ายวันนี้(25 ส.ค.)ว่า พายุไต้ฝุ่นคาจิกิ ขึ้นฝั่งในแถบชายฝั่ง ระหว่างจังหวัดเหงะอานและจังหวัดห่าติ๋ญ ภาคกลางตอนบนของเวียดนามเมื่อเวลา 15.00น.ของวันนี้ ด้วยความแรงลม 133 กม.ต่อชม.โดยเบื้องต้น ไม่มีรายงานเรื่องการบาดเจ็บหรือเสียชีวิตของประชาชน แต่ความแรงของลมจะทำให้มีฝนตกหนัก คาดว่าจะมีปริมาณฝนระหว่าง 300-400มม.และทำให้ต้นไม้หักโค่น โดยเฉพาะหลังคาของอาคารบ้านเรือนหลายแห่ง ตลอดถึงประตูของร้านอาหารในแถบชายหาดได้รับความเสียหาย

          นายเฮืองกล่าวว่า ขณะนี้ศูนย์กลางของพายุยังไม่เคลื่อนตัวเข้ามาบนบกอย่างเต็มที่  โดยสองในสามส่วนของศูนย์กลางของพายุยังคงอยู่ในทะเล คาดว่าอีก 1-2 ชม.ข้างหน้า พายุจึงจะเคลื่อนตัวพ้นจากทะเล เตือนว่า จะมีลมแรงและพายุอาจจะทวีความแรงก่อนขึ้นฝั่ง ขณะเดียวกัน จะมีลมแรงระหว่าง 103-133 กม.ต่อชม.ในจังหวัดเหงะอานและจังหวัดห่าติ๋ญในคืนวันนี้ ส่วนที่จังหวัดทัญฮว้า และจังหวัดกว๋างจิ ภาคเหนือตอนบนของเวียดนาม จะมีลมแรงระหว่าง 62-88 กม.ต่อชม.

          ศูนย์พยากรณ์อุตุนิยมวิทยาและอุทกวิทยาแห่งชาติเวียดนามเตือนประชาชนในพื้นที่ลุ่มต่ำ ตลอดถึงชุมชนริมแม่น้ำ และชุมชนเมืองในท้องที่ต่างๆระวังน้ำท่วมและเตือนชาวบ้านในพื้นที่เทือกเขาสูงในเมืองหล่าวกาย ทางตะวันตกเฉียงเหนือของประเทศ จังหวัดฟู้เถาะ ทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศ ตลอดถึงจังหวัดทัญฮว้า และจังหวัดกว๋างจิ ภาคเหนือตอนบนของเวียดนามระวังเหตุดินสไลด์

          แม้ว่าพายุจะอ่อนแรงลง ขณะเคลื่อนตัวสู่ประเทศลาว ยังคงมีความเสี่ยงเกิดน้ำท่วมและเหตุดินสไลด์ในเวียดนามในช่วง 2-3 วันข้างหน้า นอกจากนี้ ฝนตกหนักในพื้นที่ภาคกลางและภาคเหนือของลาวอาจจะทำให้ระดับน้ำของแม่น้ำล้นตลิ่งไหลลงมาทางฝั่งเวียดนามด้วย ก่อนหน้านี้ ทางการเวียดนามได้อพยพชาวบ้านกว่า 586,000 คนจากพื้นที่เสี่ยง พร้อมจัดเตรียมกำลังทหารหลายพันนายเตรียมลงพื้นที่ช่วยเหลือชาวบ้านในพื้นที่ประสบภัย ด้านบริษัทบริหารจัดการการจราจรทางอากาศของเวียดนาม เปิดเผยว่า เที่ยวบินรวม 435 เที่ยวถูกยกเลิก หรือ เปลี่ยนไปลงจอดที่ยังสนามบินใกล้เคียง นับตั้งแต่วันหยุดสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา

 #เวียดนาม

#พายุขึ้นฝั่งแล้ว

ที่มา: vnexpress news, bbc