นายเดช เล็กวิชัย รองอธิบดี ปฏิบัติราชการแทนอธิบดีกรมชลประทาน ออกหนังสือแจ้งเตือนสถานการณ์น้ำลุ่มเจ้าพระยา ฉบับที่ 5 ลงวันที่ (18 ส.ค.68) ส่งไปยังผู้ว่าราชการจังหวัด 11 จังหวัดลุ่มเจ้าพระยา ได้แก่ จังหวัดอุทัยธานี , ชัยนาท , สิงห์บุรี , อ่างทอง , สุพรรณบุรี , พระนครศรีอยุธยา , ลพบุรี , ปทุมธานี , นนทบุรี , สมุทรปราการ และกรุงเทพมหานคร
เตรียมรับสถานการณ์น้ำ และประชาสัมพันธ์แจ้งเตือนหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง บริษัท ห้างร้าน ที่ประกอบกิจการในแม่น้ำเจ้าพระยา และประชาชนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ริมสองฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยาและแม่น้ำน้อย ให้เฝ้าระวังติดตามสถานการณ์น้ำอย่างใกล้ชิด
เนื่องจากกรมชลประทานคาดการณ์ว่า ใน 1- 3 วันข้างหน้า โดยในวันที่ (21 ส.ค. 68) จะมีปริมาณน้ำไหลผ่านสถานีวัดน้ำ C2 จ.นครสวรรค์ ประมาณ 1,650 – 1,850 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที และปริมาณน้ำจากลำน้ำสาขา จะมีประมาณ 100 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ซึ่งทำให้ปริมาณน้ำที่เหนือเขื่อนเจ้าพระยา จ.ชัยนาท จะมีปริมาณระหว่าง 1,750-1,950 ลูกบาศก์เมตรวินาที
จึงมีความจำเป็นต้องระบายน้ำผ่านท้ายเขื่อนเจ้าพระยาเพิ่มขึ้น ในอัตราระหว่าง 1,200-1,500 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ซึ่งจะส่งผลให้ระดับน้ำท้ายเขื่อนในพื้นที่ลุ่มต่ำนอกคันกั้นน้ำบริเวณคลองโผงเผง จ.อ่างทอง คลองบางบาล จ.พระนครศรีอยุธยา และ ต.หัวเวียง อ.เสนา ต.ลาดชิด ต.ท่าดินแดง อ.ผักไห่ จ.พระนครศรีอยุธยา (แม่น้ำน้อย) มีระดับน้ำสูงขึ้นจากเดิมอีก 10 - 90 เซนติเมตร โดยจะไม่ส่งผลกระทบต่อพื้นที่ชุมชน
ขณะที่ สถานการณ์น้ำเจ้าพระยา วันนี้(19 ส.ค.) ปริมาณน้ำไหลผ่านสถานีวัดน้ำ C2 จ.นครสวรรค์ มีปริมาณ 1,551 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ปริมาณน้ำเหนือเขื่อนเจ้าพระยา ที่ จ.ชัยนาท มีปริมาณ 1,559 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที
กรมชลประทานได้ผันน้ำเข้าระบบชลประทานสองฝั่งเจ้าพระยา ในปริมาณรวมกัน 409 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที และ ระบายน้ำผ่านท้ายเขื่อนเจ้าพระยา ในอัตรา 1,150 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ทำให้ระดับน้ำท้ายเขื่อน ที่ อ.สรรพยา สูงขึ้น 41 เซนติเมตร อยู่ที่ระดับ 11.82 เมตร(รทก) ต่ำกว่าตลิ่ง 4.52 เมตร
#ระบายน้ำเขื่อนเจ้าพระยาเพิ่ม