การรักษาผู้ติดเชื้อเอชไอวี นายนิมิตร์ เทียนอุดม ประธานอนุกรรมการพัฒนาระบบติดตามการเข้าถึงบริการ ผู้ติดเชื้อเอชไอวี (HIV) ผู้ป่วยเอดส์ โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ และวัณโรค กล่าวถึง ประเด็นข้อสงสัยเกี่ยวกับการดูแลรักษาผู้ติดเชื้อ HIV และผู้ป่วยเอดส์ของวัดพระบาทน้ำพุ จังหวัดลพบุรี ว่า วันนี้ถึงเวลาแล้วที่ภาพของผู้ติดเชื้อ HIV และผู้ป่วยเอดส์ ที่มีลักษณะน่าหวาดกลัว ไม่สามารถดูแลตัวเองได้ ต้องหมดไปจากประเทศไทย เนื่องจากระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติได้ให้สิทธิประโยชน์ในการรักษาฟรี ตั้งแต่ปี 2548 ซึ่งมีทั้งการให้ยาต้านไวรัสและงบประมาณอย่างครอบคลุม
วันนี้สิ่งที่เราจะต้องช่วยกันทำคือการสื่อสารว่าเอดส์รู้เร็วรักษาได้ ไม่ควรจะมีใครมาช้าและเสียชีวิต ซึ่งปัจจุบันยาต้านไวรัส HIV ตามสิทธิประโยชน์ทุกกองทุนที่จัดสรรให้นั้นมีประสิทธิภาพ รักษาได้และการรักษาดีมาก หากผู้ติดเชื้อเข้าสู่ระบบกินยาอย่างดี ประมาณ 6 เดือน แทบจะไม่เหลือกลับมาตรวจหาไวรัสแทบจะไม่พบเชื้อแล้ว และไม่สามารถส่งต่อเชื้อสู่ผู้อื่นได้ โดยตั้งแต่ปี 2548 เริ่มมีกองทุนผู้ป่วยเอดส์มีการซื้อยาต้านไวรัสและมีผู้ป่วยเข้าสู่ระบบปีละประมาณ 30,000 คน จนปัจจุบันเหลืออยู่ประมาณ 20,000 คนนิดๆ เพราะผู้ติดเชื้อรับรู้สิทธิประโยชน์มากขึ้นและทยอยเข้าสู่การรักษา ทำให้ลดความเสี่ยงของการเสียชีวิต อย่างไรก็ตามปัจจุบันมีผู้ติดเชื้อสะสมประมาณ 500,000 คนที่ยังต้องกินยาต้านฯ
ดังนั้นคนที่ยังเป็นเหยื่อของการโฆษณาว่าเอดส์เป็นแล้วตายรักษาไม่หาย อาจจะเป็นคนที่มีข้อมูลเดิม แล้วเอาไปไว้ที่วัดพระบาทน้ำพุ ซึ่งอาจจะไม่มีเยอะเท่าเมื่อก่อนแต่ก็ยังมี แต่เราย้ำว่า ณ วันนี้ หากเกิดการติดเชื้อสามารถรับการรักษาได้โดยแค่สงสัยก็สามารถเข้ารับการตรวจหาเชื้อฟรีปีละ 2 ครั้ง หรือเข้าแอปเป๋าตัง สามารถขอชุดตรวจฟรีไปตรวจได้เองที่บ้าน หากตรวจแล้วเจอเชื้อก็สามารถเข้าสู่ระบบหลักประกันสุขภาพตามสิทธิของตัวเอง เพื่อตรวจยืนยันรวมถึงการตรวจการทำงานของตับไตและโรคฉวยโอกาส สิ่งเหล่านี้อยู่ในชุดสิทธิประโยชน์ทั้งหมด” นายนิมิตร์ กล่าว
นายนิมิตร์ กล่าวต่อว่าขณะนี้ไม่น่าเชื่อเลยเพราะยังมีคนเสียชีวิตจากโรคเอดส์ปีละหมื่นกว่าคน ทั้งๆ ที่เราให้ยาต้านไวรัสมาตั้งแต่ปี 2548 แสดงว่ายังมีคนอยู่กลุ่มหนึ่งที่ยังไม่ได้รับข้อมูลที่ถูกต้อง นี่คือประเด็นที่เราจะต้องมีการสื่อสารมากยิ่งขึ้น และส่วนใหญ่คนที่เสียชีวิต ปีละกว่าหมื่นคนเพราะคิดว่าตัวเองจะไม่เสียชีวิต ไม่คิดว่าตัวเองจะติดเชื้อ แต่วันนี้อายุน้อยๆ ก็เจอติดเชื้อและมีผลแทรกซ้อนเป็นโรควัณโรค เป็นโรคฉวยโอกาส ที่ทำให้ผู้ป่วยเสียชีวิตเป็นอันดับ 1
นอกจากนี้ยังมีภาวะเชื้อราขึ้นสมอง พอเป็นโรคฉวยโอกาสแล้วค่อยมาเข้าสู่กระบวนการรักษาซึ่งก็ล่าช้าไปแล้ว นี่คือสิ่งที่พวกเราพยายามส่งสารว่าหากมีข้อสงสัยว่าจะเกิดการติดเชื้อ เช่น การมีเพศสัมพันธ์กับคนที่ไม่รู้จัก และไม่ได้ป้องกัน ก็ควรมาตรวจหาเชื้อสัก 1 ครั้ง หากไม่พบก็แสดงว่ายังโชคดีและหาทางป้องกันต่อไป แต่ถ้าหากพบก็รีบรักษาให้อยู่ในระบบ นี่คือประเด็นที่ต้องลดจำนวนผู้เสียชีวิตปีละหมื่นคนลงให้ได้
เมื่อถามว่าปัจจุบันยังเจอสถานที่หรือสิ่งที่ทำให้คนหลงเชื่อและไม่เข้าสู่กระบวนการรักษา เหมือนกับเคสวัดชื่อดังหรือไม่ นายนิมิตร์ กล่าวว่า เรายังเจอกรณีการโฆษณาอาหารเสริมอ้างว่าช่วยเสริมภูมิคุ้มกันโรค กินแล้วไม่ต้องกินยาต้านไวรัสฯ ก่อนหน้านี้ในสมัยหนึ่งทางเครือข่ายตรวจเจออ้างสารสกัดจากมังคุด เราก็ได้แจ้งสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ให้ไปตรวจสอบ ซึ่งปัจจุบันยังมีความพยายามในการโฆษณาเกี่ยวกับอาหารเสริมอยู่ไปถึงชาวบ้าน ในขณะที่การสื่อสารเรื่องสิทธิประโยชน์กลับไปไม่ถึงชาวบ้าน ทั้งๆที่มีการสื่อสารอย่างกว้างขวางแล้วแต่ก็ยังไม่ถึง เพราะยังมีคนที่ไม่รู้ ซึ่งส่วนหนึ่งอาจจะกลัวเรื่องของการตีตรา แต่ส่วนใหญ่คนก็รับรู้และเข้าใจแล้วว่าเอดส์รักษาได้ ดังนั้นจังหวะที่เกิดขึ้น ณ ปัจจุบันเราจึงต้องช่วยกันสื่อสารให้มากขึ้นเพื่อลดจำนวนผู้เสียชีวิตกว่าหมื่นคนลงให้ได้ ให้การป่วยและเสียชีวิตจากเอดส์เป็นศูนย์ จึงขอย้ำว่าหากรู้เร็วรักษาเร็วโอกาสเสียชีวิตจากเอดส์เป็นศูนย์
ส่วนกรณีของวัดชื่อดังทางเครือข่ายได้พยายามเข้าไปแล้วแต่ทางวัดไม่อนุญาตให้เข้าพื้นที่ แต่เห็นว่าเรื่องนี้ทางสำนักการสาธารณสุขจังหวัดลพบุรี ก็ได้มีการติดตามลงพื้นที่ จึงขอให้ประสานขอข้อมูลจากทางนั้นอีกครั้งหนึ่ง
#เอดส์
#สปสช