สภาพัฒน์แถลงเศรษฐกิจไทย ไตรมาสที่ 2 ชะลอตัว แตะระดับร้อยละ 2.8

วันนี้, 11:39น.


          นายดนุชา พิชยนันท์ เลขาธิการสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สภาพัฒน์) รายงานผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ ไตรมาสที่ 2/68 ขยายตัวร้อยละ 2.8 จากตลาดคาดร้อยละ2.5-2.7 แต่ชะลอลงจากในไตรมาส 1/68 ซึ่งอยู่ที่ร้อยละ 3.2



          ปัจจัยหลักมาจากการชะลอตัวของการผลิตภาคนอกเกษตร โดยเฉพาะกลุ่มบริการที่เกี่ยวกับการท่องเที่ยว ขณะที่การผลิตภาคเกษตรขยายตัวต่อเนื่อง สำหรับด้านการใช้จ่าย การอุปโภคบริโภคขั้นสุดท้ายของเอกชน และการใช้จ่ายเพื่อการอุปโภคขั้นสุดท้ายของรัฐบาลชะลอตัวลง การส่งออกสินค้าและบริการขยายตัวต่อเนื่อง



          ขณะที่การสะสมทุนถาวรเบื้องต้น และการนำเข้าสินค้าและบริการเร่งตัวขึ้น รวมครึ่งปีแรกผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศขยายตัว ร้อยละ 3.0



          อย่างไรก็ตาม เมื่อตัดปัจจัยฤดูกาลออกแล้ว เศรษฐกิจไทยในไตรมาสที่ 2 ของปี 2568 ขยายตัวร้อยละ 0.6 ชะลอลงจากการขยายตัว ร้อยละ 0.7 ในไตรมาสก่อนหน้า (QoQ SA)



          ภาคเกษตร ขยายตัวร้อยละ 6.0 ต่อเนื่องจากไตรมาสก่อนหน้า ตามการขยายตัวของผลผลิตผลไม้ ผลผลิตข้าวเปลือกและประมง ปรับตัวดีขึ้น ขณะที่ผลผลิตมันสำปะหลัง อ้อย ยางพารา และผักลดลง ภาคนอกเกษตร ขยายตัวร้อยละ 2.5 ชะลอลงจากการขยายตัว ร้อยละ 2.9 ไตรมาสก่อนหน้า ประกอบด้วย



          กลุ่มอุตสาหกรรมการผลิต ขยายตัว ร้อยละ 0.8 โดยสาขาการผลิตสินค้าอุตสาหกรรมขยายตัวร้อยละ 1.7 เร่งขึ้น จากร้อยละ 0.9 ในไตรมาสก่อนหน้า สาขาไฟฟ้า ก๊าซ ไอน้ำ และระบบการปรับอากาศปรับตัวดีขึ้น สาขาการทำเหมืองแร่ และ เหมืองหินชะลอลง ขณะที่สาขาการจัดหาน้ำการจัดการน้ำเสีย และของเสียลดลง



          กลุ่มบริการ ขยายตัวร้อยละ 3.5 ชะลอลงจากการ ขยายตัวร้อยละ 4.1 ในไตรมาสก่อนหน้า เป็นผลจากสาขา ที่พักแรม และบริการด้านอาหาร สาขาการขนส่ง และสถานที่เก็บ สินค้า และสาขาการก่อสร้างชะลอลง ขณะที่สาขาการขายส่ง และการขายปลีก สาขาข้อมูลข่าวสาร และการสื่อสาร และสาขา กิจกรรมทางการเงิน และการประกันภัยเร่งตัวขึ้น



          ทั้งนี้ สศช.ได้มีการปรับตัวเลขคาดการณ์จีดีพีเพิ่มขึ้นจากเดิมร้อยละ 1.3 – 2.3 (ค่ากลางอยู่ที่ 1.8%) เพิ่มเป็นร้อยละ 1.8 – 2.3 (ค่ากลางอยู่ที่ร้อยละ 2) โดยเป็นการปรับตามปริมาณการค้าโลกที่เพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 3 จากเดิมร้อยละ 1.8 ขณะที่เศรษฐกิจของคู่ค่ายังขยายตัวได้ต่อเนื่อง ขณะที่อัตราเงินเฟ้ออยู่ที่ประมาณร้อยละ 0.3



          เศรษฐกิจไทยในปีนี้ได้อานิสงส์จากการส่งออกที่ยังขยายตัวได้ดี รวมทั้งการลงทุนภาคเอกชนที่มีแนวโน้มฟื้นตัว ขณะที่การบริโภคของภาคเอกชนมีแนวโน้มขยายตัวขึ้นในระยะต่อไป จากอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ปรับตัวลดลง 



          ด้านการบริโภคภาคเอกชน คาดว่าจะขยายตัวได้ร้อยละ 2.1 ชะลอลงจากร้อยละ 4.4 ในปี 2567 ตามรายจ่ายด้านการท่องเที่ยวที่ลดลงจากนักท่องเที่ยวต่างชาติ รวมถึงรายจ่ายสินค้าเกษตรที่ปรับตัวลดลง ขณะที่ การบริโภคภาครัฐบาล คาดว่าจะขยายตัวร้อยละ 1.2 ใกล้เคียงกับปีก่อนหน้าที่ร้อยละ 1.3



การลงทุนรวม คาดว่าจะขยายตัวร้อยละ 2.1 ปรับเพิ่มจากร้อยละ 0.9 ในปีก่อน โดยแบ่งเป็น การลงทุนภาคเอกชน คาดว่าจะขยายตัวร้อยละ 1.0 ปรับดีขึ้นจากการหดตัวร้อยละ -1.6 ในปี 2567 เนื่องจากการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานยังดำเนินต่อเนื่อง



การลงทุนภาครัฐ คาดว่าจะขยายตัวร้อยละ 5.2 ลดลงเล็กน้อยจากร้อยละ 5.5 ในปีก่อน เนื่องจากการเบิกจ่ายงบประมาณประจำปี 2568 ยังอยู่ในกรอบจำกัด



          มูลค่าการส่งออกสินค้าในรูปดอลลาร์สหรัฐ (สศช.) คาดว่าจะขยายตัวร้อยละ 5.5 ลดลงจากร้อยละ 5.8 ในปี 2567 แต่ยังสูงกว่าการขยายตัวเฉลี่ยในรอบก่อนหน้า ซึ่งอยู่ที่ร้อยละ 1.8 สะท้อนการฟื้นตัวต่อเนื่องของเศรษฐกิจโลก และปริมาณการค้าโลก โดยเฉพาะในช่วงครึ่งหลังของปี หลังจากการปรับลดดอกเบี้ยของสหรัฐ และมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจจีนเริ่มส่งผลบวก



 

ข่าวทั้งหมด

X