จากกรณี ศาลอุทธรณ์ภาค 4 พิพากษา นายไชย์พล วิภา หรือลุงพล ทั้งหมด 3 ข้อหา คือ ฐานฆ่าผู้อื่นโดยเล็งเห็นผล จำคุก 15 ปี, พรากเด็กอายุยังไม่เกิน 15 ปี ไปเสียจากบิดามารดา จำคุก 10 ปี และ กระทำการใดๆ แก่ศพหรือสภาพแวดล้อมในบริเวณที่พบศพก่อนการชันสูตรพลิกศพเสร็จสิ้น ต้องจำคุก 1 ปี รวมจำคุกทั้งหมด 26 ปี โดยได้คุมตัวเข้าเรือนจำจังหวัดมุกดาหาร ซึ่งอยู่ระหว่างฎีกา
วันนี้(14ส.ค.68)ศาลอุทธรณ์ภาค 4 พิจารณาการยื่นขอประกันตัว นายไชย์พล วิภา จำเลยที่ 1 แล้วมีคำสั่งไม่อนุญาตให้ประกันตัว และในวันพรุ่งนี้ ทางเรือนจำจังหวัดมุกดาหาร จะนำตัวจำเลยที่ 1 ไปขังยังเรือนจำจังหวัดนครพนม เนื่องจากโทษจำคุกสูงกว่าที่ขังที่เรือนจำจังหวัดมุกดาหาร
นายประยุทธ เพชรคุณ อธิบดีอัยการ สำนักงานคดีศาลสูงภาค 4 ในฐานะผู้ควบคุมดูแลการดำเนินคดีในชั้นศาลสูง กล่าวถึงความคืบหน้ากรณีจำเลยยื่นประกันตัวเเละศาลจังหวัดมุกดาหารส่งให้ศาลฎีกาพิจารณาเรื่องการปล่อยชั่วคราวว่า คดีนี้ได้กำชับ นางสาวนฤมล วิเชียรแสน อัยการศาลสูงจังหวัดมุกดาหาร ยื่นคัดค้านการประกันตัวนายไชย์พล
ซึ่งวันนี้ ศาลฎีกาได้มีคำสั่งออกมาว่า พฤติการณ์แห่งคดีเป็นเรื่องร้ายแรงกระทบต่อสังคมเป็นการลงโทษสถานหนักทั้งศาลอุทธรณ์พิพากษาลงโทษให้จำคุก 26 ปี และเกรงว่าจำเลยจะหลบหนีจึงไม่อนุญาตให้ปล่อยตัวชั่วคราวระหว่างฎีกา ยกคำร้องการประกันตัว ส่งผลให้จำเลยต้องคุมขังอยู่ในเรือนจำระหว่างฎีกา
สำหรับคำร้องคัดค้านการประกันตัวของอัยการศาลสูงจังหวัดมุกดาหาร ความว่าคดีนี้ศาลอุทธรณ์ภาค 4 พิพากษาแก้เป็นเพิ่มโทษจำเลยที่ 1 ให้หนักกว่าที่พิพากมาในศาลชั้นต้น เนื่องจากคดีนี้มีอัตราโทษสูง และจังหวัดมุกดาหารอยู่ใกล้ชายแดนประกอบกับจำเลยที่ 1 มีฐานะทางการเงินดี และคดีเป็นที่สนใจของประชาชนโดยทั่วไป หากศาลอนุญาตให้ปล่อยตัวชั่วคราวในชั้นฎีกาแล้วจำเลยที่ 1 สามารถหลบหนีไปได้ โจทก์เกรงว่าจะเป็นการยากในการติดตามตัวซึ่งจะทำให้การบังคับใช้กฎหมายไม่ได้ผลและทำให้กระบวนการยุติธรรมขาดความน่าเชื่อถือ ด้วยเหตุผลดังกล่าว หากจำเลยที่ 1 ยื่นคำร้องขอปล่อยตัวชั่วคราวในชั้นฎีกา โจทก์จึงขอขัดค้านการปล่อยตัวชั่วคราวของจำเลยที่ 1
#ลุงพล
#คัดค้านการประกันตัว