ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐฯแสดงความไม่พอใจเรื่องสถานการณ์ด้านความมั่นคงในกรุงวอชิงตันดี.ซี.ในการแถลงข่าวที่ทำเนียบขาวเมื่อวานนี้ (12 ส.ค.)ว่า ในปัจจุบัน สถิติคดีฆ่าคนตายในกรุงวอชิงตันดี.ซี.อยู่ที่ 41 รายต่อ ประชากรเฉลี่ย 100,000 คน สูงกว่าในเมืองหลวงของบางประเทศในลาตินอเมริกาเช่น กรุงโบโกตาของโคลอมเบีย(สถิติฆ่าคนตายอยู่ที่ 15.2 ต่อประชากรเฉลี่ย 100,000 คน) กรุงเม็กซิโกซิตี้ของเม็กซิโก( 10 รายต่อประชากรเฉลี่ย 100,000 คน) และกรุงลิมาของเปรู(เฉลี่ย 6 รายต่อประชากร 100,000 คน)
นายทรัมป์ประกาศให้โอนสำนักงานตำรวจนครบาลเข้าอยู่ภายใต้การควบคุมโดยตรงจากรัฐบาลกลาง ตามมาตรา 740 ของพระราชบัญญัติว่าด้วยการปกครองตนเองของเขตปกครองพิเศษโคลัมเบีย ซึ่งให้อำนาจประธานาธิบดีในการควบคุมสำนักงานตำรวจนครบาลในสถานการณ์ฉุกเฉิน พร้อมระดมทหารจากกองกำลังพิทักษ์ชาติ 800 นายเข้าร่วมสนธิกำลังกับตำรวจในการปราบปรามปัญหาอาชญากรรม โดยกล่าวว่า การเคลื่อนไหวครั้งนี้ เป็นส่วนหนึ่งของการดำเนินงานในภาพรวมของรัฐบาลสหรัฐฯในการเข้าควบคุมอำนาจการดูแลความมั่นคงแทนรัฐบาลส่วนท้องถิ่น
ด้านนางมูเรียล โบว์เซอร์ นายกเทศมนตรีกรุงวอชิงตันดี.ซี.ได้วิจารณ์การตัดสินใจของรัฐบาลทรัมป์เรื่องการโอนย้ายสำนักงานตำรวจนครบาลกรุงวอชิงตันดี.ซี.ไปอยู่ภายใต้การควบคุมของรัฐบาลกลาง พร้อมระดมกำลังทหารจากกองกำลังพิทักษ์มาทำงานร่วมกับตำรวจว่า เป็นแนวทางการรวบอำนาจแบบผู้นำเผด็จการและไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในประวัติศาสตร์การปกครองของสหรัฐฯ ยืนยันว่า ในปัจจุบัน คดีอาชญากรรมในกรุงวอชิงตันดี.ซี.ต่ำสุดในรอบ 30 ปี และไม่มีความจำเป็นต้องใช้กำลังทหารมาร่วมกับตำรวจในการปราบปรามปัญหาอาชญากรรม
ด้านนักวิเคราะห์ระบุว่านายทรัมป์ใช้ข้อมูลเก่าจากปี 2566 ไม่สะท้อนถึงสถิติคดีอาชญากรรมในปัจจุบัน โดยสถิติอาชญากรรมในกรุงวอชิงตันดี.ซี.ในปี 2568 (จนถึงเดือนส.ค.) สำนักงานตำรวจนครบาลกรุงวอชิงตันดี.ซี.ระบุว่า สถิติคดีฆ่าคนตายลดเหลือ 27.3 รายต่อประชากร 100,000 คน โดยรวมสถิติคดีอาญาลดร้อยละ 26 ในปีนี้ เทียบกับช่วงเวลาเดียวกันในปีก่อน(2567)
#ทรัมป์
#คุมตำรวจนครบาลกรุงวอชิงตันดี.ซี.
#ปราบปรามอาชญากรรม
ที่มา: cnn, fox news