การต่อต้านจีนที่ส่งผลกระทบต่อไทยในประเด็นส่งกลับชาวอุยกูร์ พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ เปิดเผยว่า ทราบเหตุการณ์มาแต่ต้น ขออย่าให้ดูแต่ความเสียหาย เพราะต้องเสียหายอยู่แล้ว ขอให้ดูความปลอดภัยของเจ้าหน้าที่เป็นหลัก ยืนยันว่าไทยไม่ใช่คู่ขัดแย้งเพราะเป็นประเทศตรงกลางที่มีหน้าที่ตรวจสอบสัญชาติและส่งไปตามประเทศต่างๆตามขั้นตอนกฎหมายที่ระบุไว้ โดยยืนยันว่ามีกระบวนการตรวจสอบและคัดแยกส่งตามประเทศที่ชัดเจน ก่อนหน้านี้ก็มีแบ่งส่งชาวอุยกูร์ไปก่อนหน้าแล้ว ให้เป็นหน้าที่หลักของกระทรวงการต่างประเทศและรัฐบาลในการแก้ปัญหา โดยได้ทำความเข้าใจกับเอกอัครราชทูตตุรกีและฝ่ายความมั่นคงตุรกีแล้ว ยืนยันว่าไทยไม่ต้องการขยายความขัดแย้งและถ้าส่งไปแล้วมีปัญหาก็คงไม่ใช่ปัญหาที่ไทยต้องรับผิดชอบเหมือนเช่นก่อนหน้านี้ที่ไทยเคยส่งไปแล้วมีปัญหา
ส่วนบุคคลที่บุกเข้าทำลายกงสุลไทยก็เชื่อว่าคงเป็นกลุ่มเดียวกับที่ไทยปล่อยตัวไป ส่วนเมื่อส่งไปแล้วก็เป็นหน้าที่ของประเทศนั้นที่ต้องไปพิสูจน์สัญชาติต่อว่าถูกต้องหรือไม่ ถ้าไม่ถูกต้องก็ต้องดำเนินการตามกฎหมายต่อไป นายกฯระบุด้วยว่า ขอให้เห็นใจไทยในฐานะศูคนกลางและขอให้เคารพตามกติกาที่ตกลงไว้ ส่วนหากสถานการณ์รุนแรงขึ้นในตุรกีก็ให้ประเมินสถานการณ์และอาจมีการปิดกงสุลชั่วคราวและอพยพคนไทยออกมา ยืนยันว่าไทยทำทุกอย่างถูกต้องตามขั้นตอน และขอให้ทุกฝ่ายรวมทั้งชาวมุสลิมอย่ากังวล ไทยมุ่งหวังให้เกิดความสงบสุขที่สุดในทุกประเทศ ส่วนขณะนี้ได้ขอให้ตุรกีเข้ามาดูแความปลอดภัยให้เจ้าหน้าที่ไทยแล้ว
ขณะที่สถานการณ์ตลาดหุ้นจีนและสหรัฐฯที่ดึ่งลง นายกฯยอมรับว่าเป็นห่วงเพราะจีนและสหรัฐฯเป็นตลาดใหญ่และทุกประเทศมีการค้าที่เชื่อมโยงกันซึ่งอาจส่งผลได้ แต่จะให้เศรษฐกืจดีตลอดเป็นไปไม่ได้ ย่อมมีขึ้นมีลงและผันผวนเหมือนชีวิตของคนที่ไม่ยั่งยืน ซึ่งตัวเองก็ไม่ได้ยึดติดอำนาจใดๆ
ด้านปัญหา ภัยแล้ง นายกรัฐมนตรี ยืนยันว่ารัฐบาลพยายามแก้ไขปัญหาทุกอย่างเต็มที่แล้วทั้งการบริหารจัดการน้ำเพื่อให้ผ่านไปได้ แต่เมื่อฝนไม่ตกก็ไม่ทราบว่าจะไปหาน้ำจากที่ใดมาให้ เพราะน้ำต้นทุนน้อย พร้อมขอให้สื่อเขียนข่าวในเชิงสร้างสรรค์เพื่อสร้างความเข้าใจที่ดีด้วย