โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ โพสต์ข้อความผ่าน Truth Social ระบุว่า สหรัฐฯ บรรลุข้อตกลงการค้ากับประเทศญี่ปุ่นแล้ว โดยระบุว่าสหรัฐฯ จะเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากญี่ปุ่นในอัตรา 15% แลกกับญี่ปุ่นที่จะลงทุนในอเมริกามูลค่าถึง 5.5 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ
ทรัมป์ ระบุว่า ได้เพิ่งบรรลุข้อตกลงขนาดใหญ่กับญี่ปุ่น และอาจเป็นข้อตกลงใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยมีมา โดยญี่ปุ่นจะลงทุน, ภายใต้การชี้นำของผม, มูลค่า 5.5 แสนล้านดอลลาร์เข้าสู่สหรัฐฯ ซึ่งจะได้รับกำไร 90% ข้อตกลงนี้จะสร้างงานหลายแสนตำแหน่ง ไม่เคยมีอะไรเหมือนข้อตกลงนี้มาก่อน
สิ่งที่อาจสำคัญที่สุดคือ ญี่ปุ่นจะเปิดประเทศต้อนรับการซื้อขาย รวมถึง รถยนต์และรถบรรทุก, ข้าวและผลผลิตทางการเกษตรอื่นๆ และสินค้าอื่นๆ ญี่ปุ่นจะจ่ายภาษีต่างตอบแทนให้แก่สหรัฐฯ ในอัตรา 15% นี่เป็นช่วงเวลาที่น่าตื่นเต้นมากสำหรับสหรัฐอเมริกา โดยเฉพาะอย่างยิ่งจากข้อเท็จจริงที่ว่า เราจะมีความสัมพันธ์อันยอดเยี่ยมกับญี่ปุ่นต่อไป”
ก่อนหน้านี้ไม่กี่ชั่วโมง นายทรัมป์เพิ่งประกาศบรรลุข้อตกลงกับฟิลิปปินส์ โดยสหรัฐฯ จะเก็บภาษีสินค้าที่นำเข้าจากฟิลิปปินส์ในอัตรา 19% ขณะที่สินค้าสหรัฐฯ จะเข้าสู่ฟิลิปปินส์โดยไม่เสียภาษี และทั้งสองประเทศจะเพิ่มความร่วมมือทางทหารระหว่างกันด้วย
ทรัมป์ประกาศตั้งกำแพงภาษีสินค้านำเข้าจากประเทศคู่ค้าเกือบทุกประเทศในอัตราแตกต่างกันเมื่อ 2 เม.ย. แต่การบังคับใช้ถูกระงับเป็นเวลา 90 วัน เพื่อเปิดทางเจรจาการค้ากับประเทศต่างๆ ก่อนที่สุดท้ายเส้นตายวันที่ 9 ก.ค.จะถูกเลื่อนออกไปอีกเป็นวันที่ 1 ส.ค. เนื่องจากสหรัฐฯ บรรลุข้อตกลงเพียง 3 ฉบับ
ข้อตกลงการค้ากับญี่ปุ่นนับเป็นข้อตกลงฉบับที่ 6 เท่านั้นในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมา ในขณะที่เหลือเวลาอีกราว 1 สัปดาห์เท่านั้น จะถึงวันที่ 1 ส.ค. ซึ่งเป็นเส้นตายการบังคับใช้ภาษีต่างตอบแทน
เมื่อสัปดาห์ก่อน นายทรัมป์ประกาศบรรลุข้อตกลงการค้ากับอินโดนีเซีย โดยระบุว่าอินโดนีเซียจะซื้อพลังงานจากสหรัฐฯ มูลค่า 1.5 หมื่นล้านดอลลาร์, ซื้อผลิตภัณฑ์ทางการเกษตรมูลค่า 4.5 พันล้านดอลลาร์ และซื้อเครื่องบินโบอิ้งอีก 50 ลำ ขณะเดียวกัน เจ้าของฟาร์มปศุสัตว์, เกษตรกรและชาวประมง จะสามารถเข้าถึงตลาดของอินโดนีเซียได้ทั้งหมดด้วย
นอกจากนั้น สหรัฐฯ จะเก็บภาษีสินค้าอินโดนีเซียทุกชนิดที่นำเข้าสู่สหรัฐฯ ในอัตรา 19% ส่วนสินค้าสหรัฐฯ จะเข้าสู่อินโดนีเซียโดยปลอดภาษีและมาตรการกำแพงทางการค้าที่ไม่ใช่ภาษี หากมีสินค้าจากประเทศที่มีอัตราภาษีสูงกว่ามาส่งผ่านอินโดนีเซีย ภาษีนั้นจะถูกเพิ่มเข้าไปในภาษีที่อินโดนีเซียจะต้องจ่าย