ศบ.ทก.แถลงย้ำ พบระเบิดในพื้นที่ช่องบก อุบลราชธานี เป็นระเบิดใหม่ เจตนาลุกล้ำอธิบไตย

วันนี้, 13:53น.


          ผลการประชุมศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา หรือ​ ศบ.ทก.​ ประจำวันจันทร์ที่ 21 กรกฎาคม​ 2568 พลเรือตรีสุรสันต์ คงสิริ โฆษกกระทรวงกลาโหม​ และ นางมาระตี นะลิตา อันดาโม รองอธิบดีกรมสารนิเทศ และรองโฆษกกระทรวงการต่างประเทศแถลงสถานการณ์ล่าสุด พลเรือตรีสุร​สันต์​ กล่าวว่า​ การพิสูจน์ทราบทุ่นระเบิด​ จากเหตุการณ์เมื่อวันที่ 15 กรกฎาคม 2568 เป็น​ผลมาจากที่หน่วยเฉพาะกิจที่ 1​ กองกำลังสุรนารี ปฏิบัติการลาดตระเวน​ เพื่อคุ้มครองการเสริมสร้างเส้นทางทางยุทธวิธี​ จากฐานมรกตไปยังเนิน 481 ซึ่งถือเป็นพื้นที่อธิปไตยของไทย​ ทำให้พลทหารเหยียบกับระเบิด ตามที่ปรากฏเป็นข่าว โดยยืนยันว่า ทางการไม่ได้นิ่งนอนใจ ได้มีการจัดหน่วยผู้เชี่ยวชาญด้านทุ่นระเบิดเข้าไปพิสูจน์ทราบ​ โดยในวันที่ 18 กรกฎาคม 2568 หน่วยดังกล่าวได้สำรวจและพิสูจน์ทราบว่า ในพื้นที่เกิดเหตุ อยู่ห่างจากเส้นปฏิบัติการ 130 เมตร โดยจุดวางทุ่นระเบิด อยู่บนเส้นทางลาดตระเวนของฝ่ายไทย ที่เป็นการปฏิบัติตามปกติ



          หน่วยพิสูจน์ทราบได้พิสูจน์ทราบว่า หลุมระเบิดที่เกิดเหตุ มีความกว้าง 69 ซม.ลึก 23 ซม. หน่วยชุดพิสูจน์ทราบได้พบเศษวัตถุระเบิดชนิด PM​N​ 2 และพบทุ่นระเบิดเพิ่มอีก 2 จุด​ จากการพิสูจน์ทราบ โดยจุดแรก อยู่ห่างจากต้นพญาสัตบรรณราว 50 เมตรใกล้คูเลต ที่ทางทหารกัมพูชาเคยขุดไว้ ซึ่งเป็นกรณีพิพาทระหว่างกัน ตรวจพบอีก 3 ทุ่น​ ส่วนจุดที่ 2 พบ​เพิ่มอีก 5 ทุ่น​ ห่างจากจุดแรกประมาณ 100 เมตร​ รวมทั้งหมดในการพิสูจน์ทราบ เจอทั้งหมด 7 ทุ่น



          จากการตรวจพบทุ่นระเบิด ยืนยันว่า​ ทั้งหมดเป็นระเบิดใช้ใหม่ PM​N​ 2 มีสภาพใหม่พร้อมทำงาน ปรากฏตัวอักษรชัดเจนบริเวณด้านข้างทุ่นระเบิด ซึ่งทุ่นระเบิดชนิดนี้ ประเทศไทยและกองทัพไทยไม่มีอยู่ระบบสารระบบยุทโธปกรณ์ ขณะเดียวกัน หลักฐานที่ชัดเจน คือ ยังไม่มีวัชพืชหรือรากไม้ขึ้นปกคลุม โดยพบร่องรอยของการขุดเพื่อวางทุ่นระเบิด



          ทั้งนี้ ในปี 2565 กองทัพได้ดำเนินการ กวาดล้างทุ่นระเบิดในพื้นที่บริเวณช่องบก โดยไม่ตรวจพบทุ่นระเบิด​ PM​N​ 2 ​ ซึ่งเป็นสิ่งบ่งบอกว่า ระเบิดชนิดนี้เป็นระเบิดใหม่ และประเมินได้ว่า PM​N​ 2 ที่ตรวจพบ เป็นการวางหลังจากเกิดเหตุปะทะเมื่อวันที่ 28 พฤษภาคม 2568 ที่ผ่านมา​ และวันที่ 20 กรกฎาคม 2568 ตรวจพบทุ่นระเบิดอีก 2 จุด โดยเป็นระเบิดชนิด PM​N​ 2 เช่นเดียวกัน ห่างจากหลุมระเบิดที่เกิดเหตุ ประมาณ 20-30 เซนติเมตร เป็นการชี้ชัดว่า มีการวางใหม่เพิ่มเติมอีก โดยเป้าหมายเพื่อสังหารบุคคล และเป็นการละเมิดอนุสัญญาออตตาวาอย่างชัดเจน และเป็นการรุกล้ำอธิปไตยของไทย



          พลเรือตรีสุ​ร​สันต์​ กล่าวว่า​ เหตุการณ์ดังกล่าว​ กองทัพได้ยกระดับมาตรการการปฏิบัติที่เข้มข้นขึ้น​ โดยหน่วยในพื้นที่ได้รับคำสั่งให้เพิ่มความระมัดระวังในการลาดตระเวน และมีการเตรียมความพร้อมสูงขึ้น​ ตามหลักการปฏิบัติของกฎการใช้กำลังของกองทัพ ซึ่งศูนย์ปฏิบัติการทุ่นระเบิดแห่งชาติโดยกองทัพไทย ได้ออกหนังสือประนามการกระทำดังกล่าวอย่างชัดเจน​เป็นที่เรียบร้อยแล้ว เมื่อวันที่ 20 กรกฎาคมที่ผ่านมา และจะยังคงติดตามและมีมาตรการเพิ่มเติม​ นอกจากนี้กองทัพยังมีวาระที่จะเชิญผู้ช่วยทูตฝ่ายทหาร รวมถึงผู้แทนกองทัพจากประเทศต่างๆ​ มารับฟังคำชี้แจงเพื่อรับทราบข้อเท็จจริงในเร็วๆ นี้



          ส่วนกรณีประสาทตาเมือนธม​ ที่เกิดเหตุการณ์เมื่อวันที่ 15 กรกฎาคม ​ ทางฝ่ายไทยและกัมพูชาได้ร่วมหารือเพื่อแก้ไข หามาตรการในการบริหารจัดการ​เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์​กระทบกระทั่งระหว่างนักท่องเที่ยวทั้งสองฝ่าย โดยมีการกำหนดมาตรการ​ หากมีปัญหาจากนักท่องเที่ยวเกิดขึ้น ไม่ว่าจะเป็นนักท่องเที่ยวชาติใด ให้เจ้าหน้าที่ชุดประสานงานของชาตินั้นเป็นผู้จัดการ​ โดยจะเชิญตัวนักท่องเที่ยวออกจากพื้นที่



          กรณีที่มีปัญหาในพื้นที่ การแก้ไขปัญหาให้ชุดประสานงานประสานงานในพื้นที่ ซึ่งแต่ละฝ่ายจัดกำลัง 7 นาย ให้เป็นผู้ดำเนินการแก้ไขปัญหา ไม่มีการเรียกชุดกำลังเสริม​ หรือชุดอื่นๆ ที่ไม่เกี่ยวข้องมาเพิ่มเติม​ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการเผชิญหน้า หรือลดการเผชิญหน้าของทั้งสองฝ่าย รวมไปถึงขอให้ทั้งสองฝ่ายได้ดำเนินการคัดกรองนักท่องเที่ยวของแต่ละฝ่ายก่อนที่จะขึ้นมาเยี่ยมชมปราสาทตาเมือนธม



          ขอยืนยันว่ามาตรการทั้ง 3 มาตรการมีผลบังคับใช้แล้ว ซึ่งทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องต้องกันในการดำเนินการ พร้อมกำหนดมาตรการเพิ่มเติม จัดชุดอาสาสมัคร และทหารพรานหญิง มาอำนวยความสะดวกเพิ่มเติม



 



#ประณามกัมพูชา



#ระเบิดใหม่ 

ข่าวทั้งหมด

X