*เครือข่ายพลังงาน ยื่นสนช.ค้านร่างพ.ร.บ ปิดตรเลียม2 ฉบับของก.พลังงาน*

การยื่นหนังสือคัดค้านการออกร่างพระราชบัญญัติเกี่ยวกับปิโตรเลียมจำนวน 2ฉบับที่เสนอโดยกระทรวงพลังงานของเครือข่ายประชาชนปฎิรูปพลังงานไทยหรือคปพ.ต่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติ หม่อมหลวง กรกสิวัฒน์ เกษมศรี ตัวแทนคปพ. เปิดเผยว่า ตามที่กระทรวงพลังงานได้เสนอร่างพระราชบัญญัติปิโตรเลียม ฉบับที่ พ.ศ.และร่างพระราชบัญญัติภาษีเงินได้ปิโตรเลียม ฉบับที่ พ.ศ. ไปและคณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบเมื่อวันที่ 12 พฤษภาคม 2558 และผ่านการพิจารณาจากคณะกรรมการกฤษฎีกาแล้วและอาจจะนำเข้าสู่การพิจารณาของสนช.ในอีกไม่นานทั้งที่ร่างดังกล่าวไม่เคยผ่านการทำประชาพิจารณ์จากประชาชนตามที่กระทรวงพลังงานกล่าวอ้างและแม้จะมีการบัญญัติให้ใช้ระบบแบ่งปันผลผลิตแต่เมื่อคปพ.ศึกษาจึงพบว่าเป็นไม่ได้เป็นเช่นนั้นโดยรัฐได้สัดส่วนผลประโยชน์ที่ต่ำเท่ากับระบบสัมปทานและเชื่อว่ามีเจตนาไม่บริสุทธิ์ในร่างกฎหมายดังกล่าว อีกทั้งไม่ได้บรรจุหลักการแก้ไขปัญหาต่างๆที่ประชาชนเป็นห่วง คปพ.จึงเห็นว่าสนช.ไม่ควรมีการพิจารณาร่างพระราชบัญญติทั้งสองดังกล่าวและให้สนช.ตั้งคณะทำงานขึ้นมาหนึ่งชุดเพื่อพิจารณากฎหมายใหม่โดยให้นำร่างพระราชบัญญัติการประกอบกิจการปิโตรเลียมที่คปพ.เสนอและร่างกฎหมานที่สนช.พิจารณาอยู่มาพิจารณาร่วมกันเพื่อออกกฎหมายใหม่แทน เพราะเชื่อว่าหากใช้ร่างทั้งสองฉบับที่กระทรวงพลังงานเสนอจะทำให้สนช.ขาดความน่าเชื่อถือจากสังคมและเกิดความวุ่นวายได้ นอกจากนี้คปพ.ยังเสนอให้สัมปทานอีก 2 แปลงบริเวณอ่าวไทยที่จะหมดอายุใน 6ปีข้างหน้าต้องตกเป็นของรัฐในระบบแบ่งปันผลผลิตไม่ควรให้มีการต่ออายุสัมปทานออกไปด้วย

ด้านนายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานสนช.กล่าวว่า สนช.ยังไม่ได้รับร่างทั้งสองเข้าสู่วาระ และสนช.เองก็ให้ความสำคัญเรื่องนี้แต่ต้น โดยพล.อ.สกล สัจจานิตย์ ประธานคณะกรรมาธิการพลังงานก็ได้ศึกษาเรื่องดังกล่าวแล้ว และยืนยันว่าได้กำชับสมาชิกให้พิจารณาร่างทุกฉบับที่เข้าสนช.โดยละเอียดและคำนึงถึงประโยชน์ต่อประเทศและร่างทุกฉบับก็จะมีบุคคลฝ่ายต่างๆที่เกี่ยวข้องเข้าชี้แจงอยู่แล้ว เชื่อว่าแม้จะมีการเสนอร่างทั้งสองเข้ามาจริงจะมีการแปรญัตติแก้ไขในหลักการต่างๆแน่นอนเพื่อให้กฎหมายสมบูรณ์

ผู้สื่อข่าว:ธีรวัฒน์ สิทธิเกรียงไกร