นางอัวร์ซูลา ฟอนแดร์ ไลเยน ประธานคณะกรรมาธิการยุโรปเปิดเผยว่า สมาชิก 27 ประเทศของกลุ่มสหภาพยุโรป(อียู)ได้อนุมัติการคว่ำบาตรรัสเซียครั้งที่ 18 ในวันนี้(18 ก.ค.)เพื่อลงโทษการบุกยูเครนตั้งแต่ปี 2565 โดยมุ่งเป้าไปที่ภาคการเงิน และพลังงานของรัสเซีย หวังจะกดดันให้รัสเซียเข้าสู่โต๊ะเจรจาสันติภาพกับยูเครน
ประธานคณะกรรมาธิการยุโรประบุว่า กลุ่มอียูสามารถลงฉันทามติในเรื่องนี้ได้สำเร็จหลังจากสโลวาเกีย ยอมเปลี่ยนท่าทีจากคัดค้านในตอนแรกมาเป็นร่วมสนับสนุนการคว่ำบาตรรัสเซีย หลังกลุ่มอียูให้คำมั่นว่า สมาชิกอื่นๆของกลุ่มอียูจะให้การช่วยเหลือในกรณีสโลวาเกีย มีปัญหาขาดแคลนน้ำมันและก๊าซธรรมชาติ พร้อมทั้งตกลงให้ขยายระยะเวลาให้สมาชิกอียูนำเข้าก๊าซธรรมชาติจากรัสเซียได้ไปจนถึงปี 2570 แต่เดิม สโลวาเกีย มีสัญญาซื้อพลังงานจากรัสเซียไปจนถึงปี 2577
สำหรับมาตรการคว่ำบาตรครั้งที่ 18 รวมถึงการปรับลดราคารับซื้อน้ำมันดิบจากรัสเซียลงจาก 60 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล เหลือ 47.6 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล สำหรับมาตรการนี้มุ่งจะลดรายได้จากการส่งออกน้ำมันของรัสเซีย ซึ่งคิดเป็นหนึ่งในสามของรายได้ทั้งหมดของรัฐบาลรัสเซีย หวังกดดันให้รัสเซียยุติสงครามในยูเครน
ส่วนมาตรการอื่นๆเช่น การขึ้นบัญชีดำเจ้าหน้าที่รัฐบาลและองค์กรของรัสเซียกว่า 2,400 คน/แห่ง เช่น องค์กรรัฐ ธนาคาร บริษัท หรือองค์กรต่างๆของรัสเซีย มีผลคือ ห้ามเดินเข้ามายังกลุ่มอียู พร้อมทั้งให้อายัดทรัพย์สินต่างๆที่มีอยู่ในกลุ่มอียู การจำกัดการทำธุรกรรมของธนาคารรัสเซีย 22 แห่งเช่น การตัดออกจากระบบ SWIFT ของกลุ่มอียู การห้ามทำธุรกรรมเกี่ยวกับโครงการส่งก๊าซธรรมชาติเชื่อมต่อระหว่างรัสเซียกับยุโรปในโครงการท่อส่ง นอร์ดสตรีม 1 และ 2 และการคว่ำบาตรกองเรือเงา(shadow fleet) จำนวน 105 ลำที่รัสเซียใช้ขนส่งน้ำมันไปให้กับประเทศคู่ค้า หวังหลบเลี่ยงมาตรการคว่ำบาตรจากสหรัฐฯและกลุ่มอียูในช่วงที่ผ่านมา
#อียูคว่ำบาตรรัสเซีย
ที่มา: รอยเตอร์