ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ชุดที่ 26 ปีที่ 3 ครั้งที่ 4 (สมัยสามัญประจำปีครั้งที่หนึ่ง) ที่มีนายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน รองประธานสภาผู้แทนราษฎรคนที่ 1 ทำหน้าที่ประธานการประชุม พิจารณารับทราบรายงานของผู้สอบบัญชี และรายงานด้านการเงิน สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ 30 ก.ย.66 และรายงานการประเมินผลการใช้จ่ายเงินและทรัพย์สิน ประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2566 ของสำนักงานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ มีผู้อภิปรายคือนายเอกราช อุดมอำนวย สส.กทม. พรรคประชาชน เพียงคนเดียว จากนั้นนายเฉลิมพงศ์ แสงดี สส.ภูเก็ต พรรคประชาชน เสนอให้มีการนับองค์ประชุม เนื่องจากเห็นว่ามีสมาชิกในห้องประชุมบางตา
นายพิเชษฐ์ จึงแจ้งสมาชิกที่อยู่ตามห้องอนุกรรมาธิการต่าง ๆที่มีการประชุมพร้อมกันหลายคณะรีบเข้าห้องประชุม และให้ตรวจสอบองค์ประชุม เพื่อที่จะลงมติว่าจะนับองค์ประชุมแบบเสียบบัตร หรือขานชื่อ อย่างไรก็ตาม นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ในฐานะสส.เชียงใหม่ พรรคเพื่อไทย เสนอว่า ตามข้อบังคับการประชุมอำนาจการกำหนดวิธีตรวจสอบองค์ประชุม เป็นหน้าที่ของประธานที่ประชุม ไม่จำเป็นต้องลงมติเกี่ยวกับวิธีการนับองค์ประชุม จากนั้นที่ประชุมมีการโต้เถียงอย่างเคร่งเครียด
นายพิเชษฐ์ จึงชี้แจงว่า เป็นความพยายามไม่ให้ขัดแย้งกัน และให้คณะกรรมาธิการงบประมาณ และอนุกรรมาธิการกลับไปประชุมกับข้าราชการที่มาชี้แจง และสั่งปิดประชุมในเวลา 15.30 น.
ตั้งแต่เปิดสมัยประชุมสภาฯ สมัยสามัญเมื่อวันที่ 3 ก.ค.จนถึงในครั้งนี้ ฝ่ายค้านลุกขึ้นเสนอขอนับองค์ประชุม และนายพิเชษฐ์ ที่ทำหน้าที่ประธานการประชุม สั่งปิดประชุมไปแล้วถึง 3 ครั้ง
...
#ประชุมสภาผู้แทนราษฎร