ตำรวจไซเบอร์ ส่งสำนวน ปมคลิปเสียงฮุนเซน ผิดม.116 - พ.ร.บ. คอมพิวเตอร์

วันนี้, 06:51น.


          พลตำรวจตรีศิริวัฒน์ ดีพอ ผู้บังคับการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี 1 นำสำนวนคดีคลิปเสียงฮุนเซน ประมาณ 50 หน้า พร้อมเอกสารหลักฐานที่เกี่ยวข้อง มอบให้พนักงานอัยการสูงสุด



          เบื้องต้นจากการตรวจสอบพบว่า เพจ Facebook ฮุน เซน มีลักษณะการโพสต์ข้อความที่เป็นขั้นเป็นตอน แอดมินมากกว่า 1 คน อยู่ในประเทศกัมพูชา และมีการกระทำความผิดในไทย ซึ่งตามหลักฐานเชื่อได้ว่ามีการกระทำผิดตามกล่าวโทษจริง ตามมาตรา 116 แห่งประมวลกฎหมายอาญา และ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ จึงมีความเห็นว่า คดีดังกล่าวเป็นคดีนอกราชอาณาจักร จึงส่งสำนวนคดีแก่อัยการสูงสุดตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 20 เพื่อให้อัยการสูงสุดพิจารณาและเป็นพนักงานสอบสวนตามกฎหมาย เพื่อกล่าวโทษแอดมินเพจ Facebook ฮุน เซน ในสองความผิดข้างต้น



          ส่วนจะมีการกล่าวโทษถึงฮุน เซน หรือไม่นั้น เรื่องดังกล่าวอยู่ในสำนวนขอไม่เปิดเผย ส่วนประเด็นอีกคลิปเสียงที่กล่าวอ้างว่า ฮุน เซน สั่งฆ่านักการเมืองฝ่ายตรงข้าม ตามที่ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส อดีตผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติกล่าวร้องทุกข์นั้น เป็นคนละประเด็นกัน และคดีนี้ยังอยู่ในการพิจารณาของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ



          ทั้งนี้ การทำคดีไม่มีความกดดันพนักงานสอบสวนดำเนินคดีไปตามพยานหลักฐานตามกฎหมาย ไม่ใช่ทำคดีเพื่อแก้เกี้ยวให้ใคร เมื่อมีคนแจ้งความร้องทุกข์ ตำรวจก็ต้องดำเนินการสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐานและดำเนินคดี แต่ยอมรับว่าคดีนี้เป็นคดีที่ละเอียดอ่อน เพราะอาจกระทบกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ จึงต้องทำสำนวนคดีอย่างรอบคอบและเป็นไปตามพยานหลักฐาน



          ด้านนายศักดิ์เกษม นิไทรโยค ผู้ตรวจการอัยการและโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด กล่าวว่า หลังจากนี้ทางอัยการสูงสุด จะนำสำนวนจากเจ้าหน้าที่ตำรวจไปตรวจสอบ เพื่อลงความเห็นว่าเป็นคดีนอกราชอาณาจักรหรือไม่ หากเห็นว่าเป็นคดีนอกราชอาณาจักรจริง ก็จะมีความเห็นตามและมีคำสั่งตั้งพนักงานอัยการของสำนักงานการสอบสวนเป็นพนักงานสอบสวน เพื่อดำเนินการรวบรวมพยานหลักฐานและตรวจสอบข้อความ โดยต้องดูว่า มีเจตนาประสงค์ให้เกิดผลในราชอาณาจักรตามองค์ประกอบความผิดหรือไม่ และหากมีพยานหลักฐานเพียงพอ พบเป็นการกระทำความผิดจริง จะดำเนินการส่งสำนวนกลับไปยังอัยการสูงสุดเพื่อทำความเห็นสั่งฟ้อง หากอัยการสูงสุดมีความเห็นพ้องสั่งฟ้องตาม จึงจะดำเนินการขออำนาจศาลอาญาออกหมายจับและถึงค่อยประสาน Interpol หรือตำรวจสากล เพื่อออกหมายแดงต่อไป



          คดีนี้ในส่วนของอัยการจะดำเนินการพิจารณาอย่างละเอียดรอบคอบ ยอมรับว่าคดีดังกล่าวมีผลต่อความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ แต่ไม่กดดันในการทำงาน เพราะทางอัยการดำเนินการตามพยานหลักฐาน ส่วนจะต้องเชิญ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีไทยและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม มาให้ข้อมูลหรือไม่ ก็ขึ้นอยู่กับขั้นตอนของการรวบรวมพยานหลักฐานว่ามีเพียงพอหรือไม่ หรือมีความเห็นที่ควรจะต้องเรียกบุคคลในคดีมาให้การเพิ่มเติมหรือไม่ แต่ยอมรับว่า เป็นการดำเนินคดีบุคคลสำคัญในต่างประเทศ ซึ่งต้องยึดตามพยานหลักฐานว่าเพียงพอแจ้งข้อหาความผิดหรือไม่ เพราะที่ผ่านมาประเทศไทยยังไม่เคยมีการฟ้องดำเนินคดีกับผู้นำต่างประเทศมาก่อน



          คดีดังกล่าวเป็นอำนาจหน้าที่ของพนักงานอัยการที่จะดำเนินการสอบสวนซึ่งเป็นไปตามกระบวนการยุติธรรม ทางรัฐบาล การเมือง ไม่สามารถเข้ามาแทรกแซงได้



 



#คลิปเสียง



#ฮุนเซน



 

ข่าวทั้งหมด

X