สำนักงานศุลกากรของจีน เปิดเผยว่า การส่งออกของจีนในเดือนมิ.ย.เพิ่มขึ้นร้อยละ 5.8 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เกินกว่าที่นักเศรษฐศาสตร์คาดการณ์ไว้ที่ร้อยละ 5 เนื่องจากผู้ส่งออกเร่งส่งออกสินค้า เพื่อใช้ประโยชน์จากช่วงพักภาษีชั่วคราว ระหว่างสหรัฐฯกับจีน ก่อนกำหนดเส้นตาย 12 ส.ค.นี้
ขณะเดียวกัน การนำเข้าของจีนในเดือนมิ.ย.เพิ่มร้อยละ 1.1 หลังลดลงร้อยละ 3.4 ในเดือนพ.ค.สะท้อนถึงความพยายามของจีนในการกระจายตลาดส่งออก โดยเฉพาะไปยังเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และกลุ่มสหภาพยุโรป(อียู) เพื่อลดผลกระทบจากนโยบายภาษีของรัฐบาลประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐฯ ซึ่งรวมถึงภาษีร้อยละ 40 สำหรับสินค้าที่ส่งออกผ่านเวียดนามและภาษีร้อยละ 10 สำหรับกลุ่ม BRICS ซึ่งจีนเป็นสมาชิก
นายชิม ลี นักวิเคราะห์อาวุโสจากบริษัทวิจัยตลาด อีโคโนมิสต์ อินเทลลิเจนซ์ ยูนิต กล่าวว่า ภาคธุรกิจทั้งสองฟากฝั่งมหาสมุทรแปซิฟิกกำลังจับตาดูว่า สหรัฐฯและจีนในฐานะสองมหาอำนาจทางเศรษฐกิจของโลก จะสามารถบรรลุข้อตกลงการค้าที่มั่นคงยิ่งขึ้น รือไม่ หรือว่าห่วงโซ่อุปทานทั่วโลกจะต้องปั่นป่วนอีกครั้งในกรณีทั้งสองฝ่ายตกลงกันไม่ได้ ทำให้ภาษีนำเข้ากลับไปอยู่ในอัตราที่สูงร้อยละ 100 อีกครั้ง
ที่ผ่านมา การส่งออกของจีนชะลอตัวลงจากที่เคยเติบโตร้อยละ 8.1 ในเดือนเม.ย.และร้อยละ 4.8 ในเดือนพ.ค.เนื่องจากผลกระทบจากการควบคุมการส่งออกและภาษีที่สูงขึ้นของสหรัฐฯเริ่มส่งผลต่อห่วงโซ่อุปทาน โดยเฉพาะการส่งออกของจีนไปยังสหรัฐฯลดลงร้อยละ 16 ในเดือนมิ.ย. แม้จะดีขึ้นจากที่ลดลงร้อยละ 34.5 ในเดือนพ.ค.แต่จีนยังเผชิญแรงกดดันจากรัฐบาลทรัมป์ที่ขู่จะเพิ่มภาษีอีก หากทั้งสองฝ่ายไม่สามารถจะบรรลุข้อตกลงการค้าภายในวันที่ 12 ส.ค.นี้
#จีน
#การส่งออก
ที่มา: รอยเตอร์