การฟ้องแพ่ง เรียกค่าเสียหายจาก โครงการรับจำนำข้าวในสมัยรัฐบาลนางสาว.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีนาย วิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายกฎหมาย.เปิดเผยว่า ยังไม่ทราบตัวบุคคลที่จะฟ้องว่ามีกี่คนและค่าเสียหายที่จะเรียกว่ามีเท่าใด โดยการฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายอาจมากกว่าหรือน้อยกว่าที่ปปช.ประเมินไว้.ทั้งนี้ต้องคำนวณค่าเสียหายให้ชัดเจนและต้องเฉลี่ยเรียกค่าเสียหายเป็นรายคนเนื่องจากแต่ละคนอาจกระทำผิดไม่เท่ากัน คาดว่าเดือนกรกฎาคมหรือสิงหาคมนี้คดีจะมีความชัดเจนมากขึ้นและจะเริ่มฟ้องได้ไม่เกินสิ้นปีนี้ ส่วนอายุความคดีมีเวลาสองปีโดยเริ่มนับแต่ที่ปปช.ได้แถลงต่อสาธารณชน
ส่วนการวางเงินประกันต่อศาล เป็นไปตามข้อกฎหมายเพื่อป้องกันมิให้เกิดการฟ้องร้องพร่ำเพรื่อเช่นอดีต และเงินประกันต่อศาลทางรัฐบาลจะต้องกำหนดให้ใกล้เคียงกับค่าเสียหายที่เรียกจำเลยไว้ มิใช่กำหนดสูงหรือต่ำจนเกินไป ขณะนี้ยังไม่ทราบว่าต้องวางเงินประกันเท่าใดเพราะยังคำนวณการเรียกค่าเสียหายไม่ชัดเจน ถ้าชนะคดีก็จะได้เงินคืน แต่หากแพ้คดี มีสามแนวทางจัดการโดยรัฐอาจจะเสียเงินดังกล่าวจำนวนมากไปทั้งหมดหรือเสียไปบางส่วนแล้วแต่ศาลพิเคราะห์ ดังนั้นต้องพิจารณาให้รอบคอบ ส่วนการฟ้องจำเลยนั้น ยืนยันว่าหากฟ้องด้วยความบริสุทธิ์จำเลยก็จะฟ้องกลับมิได้
ส่วนกรณีการลงมติรับร่างหรือไม่รับร่างรัฐธรรมนูญของสมาชิกสภาปฎิรูปแห่งชาติหรือสปช.ในช่วงต้นเดือนกันยายน ยืนยันว่าต้องลงมติโดยเปิดเผยแบบขานรายชื่อ ส่วนตัวยังเห็นว่าแม้แต่ร่างพระราชบัญญัติอื่นๆก็ควรลงมติแบบเปิดเผยขานรายชื่อเช่นเดียวกัน ไม่ควรมีการลงคะแนนลับ ส่วนกรณีที่สมาชิกสปช.บางคนเสนอให้ลงคะแนนลับ ส่วนตัวไม่ทราบต้องไปถามสปช.เอง
รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ไม่ทราบเรื่องที่ คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติได้กล่าวว่าการจับกุม 14 นักศึกษาไม่ถูกต้องตามขั้นตอนทางกฎหมายรวมถึงไม่ทราบว่า มีผู้ที่อยู่เบื้องหลังกลุ่มนักศึกษาในการเคลื่อนไหวว่าเกี่ยวกับกลุ่มการเมืองใดหรือไม่