ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐ เปิดแนวรบใหม่ในสงครามการค้าด้วยการหันมาจัดหนักกับบราซิล ซึ่งเป็นประธานกลุ่ม BRICS ในขณะนี้ โดยขู่เก็บภาษี 50% สำหรับสินค้าส่งออกจากบราซิลไปยังสหรัฐ พร้อมสั่งให้มีการสอบสวนการปฏิบัติทางการค้าที่ไม่เป็นธรรม ซึ่งอาจนำไปสู่การขึ้นภาษีกับสินค้านำเข้าของบราซิลเพิ่มขึ้นอีกในอนาคต
ในจดหมายถึงประธานาธิบดีลูอิซ อินาซิโอ ลูลา ดา ซิลวา ของบราซิล เพื่อแจ้งอัตราภาษีใหม่ดังกล่าว ทรัมป์ยังกล่าวหาว่าการดำเนินคดีต่ออดีตประธานาธิบดีฝ่ายขวา ฌาอีร์ โบลโซนารู ที่กำลังเผชิญกับการดำเนินคดีในข้อหาพยายามล้มผลเลือกตั้งว่าเป็นการล่าแม่มด ซึ่งทรัมป์ชี้ว่ามันเป็นการโจมตีฝ่ายตรงข้ามทางการเมืองที่เขารับรู้เป็นอย่างดี ทั้งยังวิจารณ์ว่ารัฐบาลบราซิลกำลังกระทำการโจมตีเสรีภาพในการเลือกตั้งและการแสดงความคิดเห็น
ทรัมป์ยังกล่าวหาว่าบราซิลออกคำสั่งเซ็นเซอร์ที่ลับและผิดกฎหมายต่อแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียของสหรัฐ และสั่งให้สำนักงานผู้แทนการค้าสหรัฐ (USTR) เปิดการสอบสวนนโยบายภายใต้ มาตรา 301 ของกฎหมายการค้าปี 1974 ซึ่งเป็นมาตราที่เคยถูกใช้เพื่อกำหนดภาษีตอบโต้จีนในอดีต
การประกาศเรียกเก็บภาษีเพิ่มดังกล่าวต่อบราซิล ซึ่งเป็นคู่ค้าอันดับที่ 15 ของสหรัฐ มีมูลค่าการค้ารวมในปี 2024 อยู่ที่ 92,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยสหรัฐเป็นฝ่ายได้ดุลการค้ากับบราซิลถึง 7.4 พันล้านดอลลาร์ ในขณะที่สหรัฐมักขาดดุลการค้ากับประเทศอื่น
หลายฝ่ายมองว่า การประกาศขึ้นภาษีต่อบราซิลของทรัมป์ครั้งนี้ น่าจะมีสาเหตุจากการที่ดา ซิลวา ได้ออกมาวิพากษ์วิจารณ์ทรัมป์ในการแถลงข่าวระหว่างการประชุมสุดยอดกลุ่ม BRICS หลังจากที่ทรัมป์ขู่ว่าจะเรียกเก็บภาษีสมาชิกกลุ่ม BRICS เพิ่ม 10% เพราะมีนโยบายต่อต้านสหรัฐว่า ทรัมป์จำเป็นต้องตระหนักว่าโลกได้เปลี่ยนไปแล้ว และเราไม่ต้องการจักรพรรดิอีกต่อไป